เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 นายสี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์และประธานาธิบดีจีนได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน กรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่ทั้งชาวจีนและชาวโลกต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด
ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจจีนจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้แสดงความชื่นชมคำกล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าวของปธน.สี จิ้นผิงขณะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน (CMG)
ดร.อักษรศรี พานิชสาส์นกล่าวว่า ในวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ดิฉันขอถือโอกาสนี้ร่วมแสดงความยินดีกับพี่น้องชาวจีน ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ประเทศจีน พรรคคอมมิวนิสต์จีนและพี่น้องชาวจีน สามารถก้าวผ่านอุปสรรค ผ่านร้อนผ่านหนาว ฝ่าฟันอุปสรรคและปัญหาต่างๆ ผ่านยุคสมัยต่างๆ สามารถนำพาพลิกโฉมประเทศจีนจากประเทศที่เคยยากจนและล้าหลังให้เป็นประเทศที่ขึ้นมาอยู่แถวหน้าของโลก โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีด้วยความภาคภูมิใจ
ดิฉันได้มีโอกาสรับฟังคำกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.สี จิ้นผิงที่หน้าจัตุรัสเทียนอันเหมินที่มีพี่น้องชาวจีนจำนวน 70,000 กว่าคนเข้าร่วมในพิธี โดยไม่มีใครสวมใส่หน้ากากอนามัยเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า วิกฤตที่ร้ายแรงอย่างวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 จีนก็เป็นประเทศที่สามารถเอาชนะวิกฤตครั้งนี้ได้อย่างสวยงาม และทั่วโลกได้เห็นแล้วว่า ประชาชนในกรุงปักกิ่งสามารถเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองได้อย่างสบายใจและภูมิใจโดยไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยอีกต่อไป ต้นแบบความสำเร็จในหลายๆ ด้านของจีนเป็นสิ่งที่หลายๆ ประเทศซึ่งรวมถึงประเทศด้วยสามารถนำไปเรียนรู้และปรับประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบริบทของแต่ละประเทศ
สำหรับคำกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.สี จิ้นผิงเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นการทบทวนเชิงประวัติศาสตร์ถึงความยากลำบาก ถึงการร่วมแรงร่วมใจของประชาชนชนเผ่าต่างๆ ของจีน ในการฝ่าฟันอุปสรรคสร้างชาติมาถึงทุกวันนี้แล้ว ยังได้มีการพูดถึงการเดินทางครั้งใหม่ พูดถึงอนาคตของประเทศจีน สิ่งที่ดิฉันประทับใจมากที่ได้มีการพูดถึงแนวทางการสร้างสรรค์เศรษฐกิจ การเมือง วัฒธรรม สังคมและอารยธรรมระบบนิเวศทั้งห้าด้านไปด้วยกัน โดยไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงแค่ด้านการเมืองหรือเศรษฐกิจ แต่เป็นการสร้างสมดุลในการมุ่งสู่อนาคตของจีน ประเด็นนี้น่าสนใจมาก และมีการพูดถึงการผลักดันการจัดวางยุทธศาสตร์สี่รอบด้านซึ่งดิฉันคิดว่า เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงประเด็นที่ครอบคลุมในการผลักดันเดินหน้าประเทศ ยุทธศาสตร์สี่รอบด้านที่ปธน.สี จิ้นผิงพูดถึงได้แก่ การสร้างสรรค์ประเทศทันสมัยแห่งสังคมนิยมอย่างรอบด้าน การดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศให้ลงลึกอย่างรอบด้าน การบริหารบ้านเมืองตามกฎหมายอย่างรอบด้าน และการบริหารพรรคให้เข้มงวดอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะในเรื่องการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น ทั้งนี้ยุทธศาสตร์สี่รอบด้านดังกล่าวถือเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจยิ่ง
ในแง่ของเศรษฐกิจ ดิฉันในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ การที่ท่านสี จิ้นผิงประกาศถึงการปฏิรูปและเปิดประเทศให้ลงลึกอย่างรอบด้าน ประเด็นนี้สำคัญมาก เพราะในอนาคตจะมีความท้าทายใหม่ๆ อีกหลายเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในยุคหลังวิกฤตโควิด-19 ภาวะเศรษฐกิจอาจจะไม่เหมือนเดิม สิ่งที่เราเรียกว่า “นิว นอร์มอล” ประชาชนย่อมจะรับผลกระทบจากวิกฤโควิดที่นำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งนับเป็นความท้าทายมากในเรื่องที่จะจัดการกับปัญหาเหล่านี้อย่างไร เพราะฉะนั้น การปฏิรูปและเปิดกว้างให้ลงลึกอย่างรอบด้านของจีนที่จะเดินหน้าต่อไป ได้พูดถึงขั้นตอนการพัฒนาใหม่ ปฏิบัติตามแนวคิดการพัฒนาใหม่ พูดถึงการผลักดันการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งหมายความว่าจีนจะพัฒนาเทคโนโลยีของจีนเอง เพิ่มความแข็งแกร่ง ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจมากว่า การก้าวหน้าต่อไปด้วยความแข็งแกร่งและด้วยตัวเอง เป็นสิ่งที่จีนจะมุ่งมั่นทำให้ประสบความสำเร็จ และลดการพึ่งพาประเทศอื่นให้น้อยลง
นี่คือประเด็นหลักๆ ที่ดิฉันขอแสดงความชื่นชมในคำกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.สี จิ้นผิงในวาระครบรอบ 100 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดยภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งประเทศจีน-CMG
ลิขสิทธิ์เป็นของ China Face