แต่โชคร้ายยังไม่หมด อาการทางจิตของพ่อหนักขึ้น ต้องเข้าโรงพยาบาล ที่บ้านไม่มีเงินแล้ว นอกจากนั้น น้องชายที่เพิ่งจบมัธยมต้นก็ออกจากบ้านไปต่างถิ่น ไม่กลับมาอีก หง จั้นฮุยต้องเลิกเรียนแล้วกลับมาบ้าน
หง จั้นฮุยต้องทำงานหลายอย่างเพื่อได้เงินมาเลี้ยงดูคุณพ่อและน้องสาว มีครั้งหนึ่งเลิกงานตอนดึกมาก เขาขี่จักรยานแล้วตกไปในคลองที่มีน้ำลึกระหว่างทางกลับบ้าน เวลานั้น เขาคิดว่า ถ้าตายไปก็ดี จะได้เบาตัว แต่หน้าของพ่อและน้องสาวลอยขึ้นมาทำให้เขาถลันขึ้นจากน้ำ
หลังชีวิตตกทุกข์ทรมานมาเป็นเวลานาน นักธุรกิจในอำเภอหลายคนรู้เรื่องนี้ จึงลงขันกัน ทำให้หง จั้นฮุยสามารถส่งคุณพ่อเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล ตัวเขาเองก็กลับเข้ามาเรียนมัธยมอีกครั้ง เพราะเขารู้ว่า การเรียนหนังสือเป็นทางเดียวที่จะทำให้เขาพ้นความทุกข์ยาก
หง จั้นฮุยเรียนจบมัธยมปลาย และสอบเข้าสถาบันหวายฮั่วหูหนาน เขาตัดสินใจพาน้องสาวขึ้นรถไฟจากบ้านเกิดในมณฑลเหอหนานไปมหาวิทยาลัยที่อยู่มณฑลหูหนาน
ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ “เปียนเฉิงหว่านเป้า” นำเรื่องของเขาไปตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ ตั้งแต่เวลานั้น ชื่อ “หง จั้นฮุย” คุ้นสายตาชาวจีน เขาได้รับเกียรติบัตรหลายรายการ อาทิ “1 ใน 10 บุคคลที่น่าประทับใจของจีนประจำปี 2005” “ 1 ใน 10 เยาวชนดีเด่นจีน ครั้งที่ 17” เป็นต้น
บุคคลในแวดวงสังคมพากันบริจาคเงินให้หง จั้นฮุย แต่เขาไม่รับ เงินที่ไม่สามารถคืนกลับไป เขาจะจดจำทุกรายการในสมุด แล้วรวบรวมเงินเหล่านี้ไปตั้ง “กองทุนช่วยการเรียนหนังสือหง จั้นฮุย”
ทางสถาบันจัดเงินอุดหนุนพิเศษให้เดือนละ 200 หยวน เขาไม่เคยไปรับเช่นกัน เขาและน้องสาวยังคงกินหมั่นโถวเปล่าๆและเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ไม่มีเครื่องปรุงใดๆ
หง จั้นฮุยรับความช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว คือหอพักเดี่ยวที่ทางสถาบันจัดให้ฟรี เพื่อให้เขาดูแลน้องสาวได้อย่างสะดวก
หง จั้นฮุยกล่าวว่า สาเหตุที่ผมไม่รับเงินบริจาค เป็นเพราะผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพึ่งตนเอง และใช้ความพยามยามด้วยมือของผมเอง ปัจจุบันผมมีความสามารถดำรงชีวิตได้ แต่สังคมนี้ยังมีผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลืออีกมาก แม้ความเป็นอยู่จะดีขึ้นแต่เขายังคงไปตั้งแผงลอยขายของเช่นเดิม
ปี 2006 หง จั้นฮุยขอความช่วยเหลือจากสื่อ เพื่อตามหาคุณแม่และน้องชายให้กลับบ้านจนสำเร็จ ครอบครัวที่เคยแตกเหมือนกระจกกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
เรื่องนี้น่าจะจบลงด้วยความบริบูรณ์ แต่หง จั้นฮุยยังไม่จบ หลังสำเร็จการศึกษาจากสถาบันหวายฮั่ว เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยจงหนานที่เป็นมหาวิทยาลัยสำคัญระดับชาติ เรียนต่อในระดับปริญญาโท
หลังจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยจงหนาน หง จั้นฮุยกลับไปทำงานที่สถาบันหวายฮั่ว ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เคยให้ความอบอุ่นแก่เขาและน้องสาวเป็นเวลา 4 ปี
ปี 2017 หง จั้นฮุยลาออกจากสถาบันหวายฮั่ว เขาปฏิเสธการชักชวนให้ไปทำงานกับรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่และธุรกิจเอกชนหลายแห่ง แต่ได้ตัดสินใจไปเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนอาชีวศึกษาระดับกลางเซียงหัวเมืองฉางซา เมืองเอกมณฑลหูหนาน
บางคนบอกว่าหง จั้นฮุยเป็นคนโง่ เพราะทำต่อในมหาวิทยาลัยจะมีอนาคตที่ดี แต่ทำไมไปทำที่โรงเรียนอาชีวศึกษา ที่รับนักเรียนที่เรียนหนังสือไม่เก่งไม่ดี และนักเรียนบางคนมีนิสัยไม่ดีด้วย
หง จั้นฮุยตอบว่า ผมเป็นหนี้บุญคุณสังคมนี้ค่อนข้างมาก แต่ผมให้สังคมค่อนข้างน้อย ผมจะไปช่วยพวกเขา
วันแรกที่เปิดเรียน หง จั้นฮุยเห็นทางเดินในโรงเรียนและผิวพื้นหอพักมีการทิ้งหมาก ก้นบุหรี่ และขยะต่างๆ ทั้งยังเกิดเหตุนักเรียนชกต่อยกันบ่อยครั้ง นักเรียนบางคนไม่กินข้าวในโรงอาหารของโรงเรียน แต่จะสั่งอาหารจากข้างนอก นักเรียนบางคนรู้สึกว่า ตนเองเป็นผู้แพ้ในสังคม รู้สึกอับอาย ไม่มีเป้าหมายของชีวิต
จนถึงช่วงฝึกทหาร (ในประเทศจีน กำหนดให้นักเรียนนักศึกษาฝึกวิชาทหารเป็นเวลา 1 เดือน) นักเรียนชายคนหนึ่งลอบออกจากโรงเรียนอย่างผิดกฎ (ช่วงฝึกทหารจะห้ามออกจากโรงเรียนหรือค่ายทหาร) แล้วไปชกต่อยกับคนข้างนอก การกระทำเช่นนี้จะถูกโรงเรียนไล่ออกได้
นายทหารที่ทางโรงเรียนเชิญมาเป็นครูฝึกถามหง จั้นฮุยว่า “ท่านผู้อำนวยการจะให้โอกาสเขาอีกครั้งไหม ถ้าตอบว่าใช่ ท่านผู้อำนวยการต้องวิดพื้น 1,000 ครั้ง”
หง จั้นฮุยไม่ลังเลเลย เขาทำทันที การวิดพื้น 1,000 ครั้งเป็นเรื่องยากมากสำหรับแฟนกีฬาที่ฟิตร่างกายประจำ แล้วหง จั้นฮุยจะทำอย่างไร?
แต่เขาต้องทำ ทำเวลานานเท่าไรไม่รู้ แต่ตอนที่ทำเสร็จ เหงื่อท่วมกาย ครู 2 คนต้องช่วยพยุงให้เขาลุกขึ้น เวลานั้น ครูและนักเรียนทุกคนน้ำตานองหน้า นักเรียนชายคนที่ทำผิด ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด
หลังเหตุการณ์ “วิดพื้น 1,000 ครั้ง” นักเรียนที่มีความประพฤฒิไม่ดีส่วนใหญ่ได้พยายามปรับตัวเองให้ดีขึ้น เพื่ออาจารย์หงไม่ต้องวิดพื้นอีก
ขณะที่อาจารย์หงกล่าวว่า ถ้าผมยังอยู่ในโรงเรียนนี้ ก็จะไม่ทิ้งนักเรียนแม้คนเดียว ผมมีความปรารถนาที่จะฝึกนักเรียนให้เป็นคนที่มีศีลธรรมและมุ่งหาความสุข เป็นคนที่มีจิตใจที่บริสุทธ์ กระทั่งสามารถไปช่วยคนอื่นได้ด้วย
ปัจจุบัน หง จั้นฮุยแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ส่วนน้องสาวที่ติดตามเขาตลอด ก็ได้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย และเป็นครูโรงเรียนอนุบาล
ชาวจีนชื่นชมการสู้ชีวิตอย่างไม่ลดละของหง จั้นฮุย แต่เมื่อให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว เขาบอกความฝันของเขาว่า “ผมอยากได้โอกาสที่จะใช้ชีวิตเด็กที่แท้จริงมาโดยตลอด”