บทวิเคราะห์ : สิทธิมนุษยชนจีนก้าวหน้าต่อเนื่อง สหรัฐฯป้ายสีจีนไม่ได้ผล

2021-08-16 15:32:19 | CMG
Share with:

เมื่อเร็วๆนี้ สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯส่วนน้อยซึ่งต่อต้านจีนกล่าวว่า พวกเขาจะเร่งผลักดันร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเขตซินเจียงของจีนเป็นกฎหมาย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่รัฐบาลสหรัฐฯ ในการใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อ “การละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวมุสลิมของซินเจียง” กล่าวได้ว่าสหรัฐฯไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ภารกิจสิทธิมนุษยชนของจีนมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ยังคงใช้ประเด็นสิทธิมนุษยชนเป็นข้ออ้างเพื่อท้าทายอธิปไตยแห่งชาติของจีนและเหยียบย่ำกฎระเบียบระหว่างประเทศ  การกระทำเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะไม่เป็นที่ยอมรับและสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของตนเองเท่านั้น แต่ยังจะจบลงด้วยความล้มเหลวอย่างแน่นอนอีกด้วย

หลายปีที่ผ่านมา กลุ่มอิทธิพลและสื่อมวลชนที่ต่อต้านจีนในสหรัฐฯ ได้สร้างข่าวปลอมอย่างต่อเนื่องว่า ในเขตปกครองตนเองซินเจียงของจีนมีกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงดำรงอยู่ เพื่อใส่ร้ายป้ายสีและโจมตีจีน นอกจากนี้ สหรัฐฯยังมักดำเนินมาตรการคว่ำบาตรที่บังคับใช้แต่เพียงฝ่ายเดียวตามอำเภอใจต่อองค์กรหรือปัจเจกบุคคลในซินเจียง การกระทำเหล่านี้ของสหรัฐฯมีวัตถุประสงค์อันเป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางในโลก ซึ่งก็คือใช้ประเด็นสิทธิมนุษยชนเป็นเครื่องมือในการพยายามสร้างความวุ่นวายและความปั่นป่วนในเขตซินเจียงของจีน สร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพและการพัฒนาของจีน ขัดขวางกระบวนการผงาดขึ้นของจีน  เพื่อรักษาสถานะที่เป็นมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวในโลกของตนให้คงไว้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

พฤติกรรมดังกล่าวข้างต้นของสหรัฐฯ เห็นได้ชัดว่าเห็นแก่ตัว คับแคบ และขาดสติปัญญา ข้อเท็จจริงย่อมจะพิสูจน์ต่อไปอีกว่า ไม่มีอิทธิพลภายนอกใดสามารถหยุดยั้งการพัฒนาและการผงาดขึ้นของจีนได้ ภารกิจต่างๆของจีนนับวันกำลังได้รับการพัฒนาและความก้าวหน้าอย่างยิ่งใหญ่มากยิ่งขึ้น และเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาคมระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงกิจการด้านสิทธิมนุษยชนที่สหรัฐฯให้ร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ชีวิตที่มีความสุขของประชาชนคือสิทธิมนุษยชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด หากสรุปความสำเร็จในการพัฒนาของจีนเป็นข้อเดียว นั่นก็คือชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจีนจำนวนมหาศาลนับวันปรับปรุงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บทวิเคราะห์ : สิทธิมนุษยชนจีนก้าวหน้าต่อเนื่อง  สหรัฐฯป้ายสีจีนไม่ได้ผล_fororder_1

สำนักงานสารนิเทศแห่งคณะรัฐมนตรีจีนเพิ่งออกรายงานสมุดปกขาวเรื่อง "การสร้างสังคมมีกินมีใช้อย่างรอบด้าน : หน้าประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์แห่งการพัฒนาภารกิจสิทธิมนุษยชนของจีน" เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา  รายงานสมุดปกขาวได้ใช้ข้อมูลตัวเลขที่ละเอียดครบถ้วนและข้อเท็จจริงจำนวนมากในการอรรถาธิบายถึงการสร้างสังคมมีกินมีใช้อย่างรอบด้านที่ได้เปิดโลกใหม่ด้านสิทธิมนุษยชน ได้สรุปอย่างเป็นระบบถึงวิธีการปฏิบัติและประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จด้านการเคารพและประกันสิทธิมนุษยชน ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นท่ามกลางกระบวนการสร้างสังคมมีกินมีใช้อย่างรอบด้าน แสดงให้เห็นอย่างเต็มที่ว่าจีนได้ดำเนินการอย่างจริงจังมาโดยตลอดในการปกป้องสิทธิมนุษยชนในระดับที่สูงยิ่งขึ้น ส่งเสริมการพัฒนาของปัจเจกบุคคลอย่างครอบคลุม ตลอดจนขับเคลื่อนการพัฒนาและความก้าวหน้าด้านภารกิจสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ประชาชนจีนซึ่งมีความรู้สึกอย่างลึกซึ้งมีสิทธิ์ออกเสียงมากที่สุดในประเด็นสิทธิมนุษยชนในจีน สิทธิของประชาชนเผ่าชนต่างๆในจีนซึ่งรวมถึงเขตซินเจียงด้วย  นับวันมีความครอบคลุมและเต็มที่มากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ ค.ศ. 2012  ประชากรยากจนในชนบทจีนจำนวน 98.99 ล้านคนได้หลุดพ้นความยากจนตามมาตรฐานปัจจุบัน อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 67.8 ปีเมื่อ ค.ศ. 1981  เป็น 77.3 ปีในปี 2019  จีดีพีต่อหัวเพิ่มขึ้นจาก 385 หยวนเมื่อปี 1978 เป็น 72,000 หยวน ในปี  2020  นอกจากนี้ ถึงปี  2020  อัตราการศึกษาภาคบังคับ 9 ปีรักษาไว้ได้ในระดับ 95.2%  ยอดจำนวนประชาชนที่เข้าร่วมการประกันสุขภาพขั้นพื้นฐานเกิน 1,360 ล้านคน และจนถึงเดือนมิถุนายน ปี  2021 จำนวนผู้เข้าร่วมระบบการประกันบำเหน็จบำนาญขั้นพื้นฐานของลูกจ้างในเขตเมืองมีถึง 467.09 ล้านคน และจำนวนผู้เข้าร่วมระบบการประกันบำเหน็จบำนาญขั้นพื้นฐานของชาวเมืองและชาวชนบทมีถึง  547.35 ล้านคน เป็นต้น ดังนั้น การที่ประเทศจีนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการสร้างสังคมมีกินมีใช้อย่างรอบด้านตามกำหนดในปีนี้นั้น หมายถึงการพัฒนาอย่างครอบคลุมและการแบ่งปันในหมู่ประชาชนทุกคนทางด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นการสร้างผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้ราวกับ“ปาฏิหาริย์” ในด้านการเคารพและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของมนุษยชาติ

นอกจากนี้ ประชากรของจีนครองสัดส่วนเกือบ 1 ใน 5 ของประชากรทั้งหมดของโลก การที่ประเทศจีนบรรลุการสร้างสังคมมีกินมีใช้อย่างรอบด้านนั้น ยังถือเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์การพัฒนาภารกิจสิทธิมนุษยชนแห่งโลกด้วย วิธีปฏิบัติและประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จที่จีนสร้างสรรค์ขึ้นในด้านการเคารพและปกป้องสิทธิมนุษยชนนั้น ได้เพิ่มพูนและพัฒนาความหลากหลายของอารยธรรมสิทธิมนุษยชน ได้อุทิศภูมิปัญญาและแนวทางของจีนแก่การยกระดับความผาสุกของมนุษยชาติ

บทวิเคราะห์ : สิทธิมนุษยชนจีนก้าวหน้าต่อเนื่อง  สหรัฐฯป้ายสีจีนไม่ได้ผล_fororder_2

ในทางตรงกันข้าม สหรัฐฯซึ่งถือตนเองเป็น "ครูด้านสิทธิมนุษยชน" อยู่เสมอ กลับมีปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงดำรงอยู่ ตัวอย่างเช่น เนื่องจากการแย่งชิงผลประโยชน์ระหว่างพรรคการเมืองและปัจจัยอื่นๆ สหรัฐฯมีความผิดพลาดอย่างร้ายแรงในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประกอบกับเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก กลายเป็นภัยคุกคามสิทธิการอยู่รอดอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่สุดของประชาชนชาวสหรัฐฯ เผ่าชนกลุ่มน้อยในสหรัฐฯ ถูกเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติอย่างเป็นระบบและตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก เหตุการณ์ที่จอร์จ ฟรอยด์ ชายชาวสหรัฐฯเชื้อสายแอฟริกาถูกตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดคอจนเสียชีวิตอย่างทารุณ ซึ่งกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกในภายหลังนั้นคือตัวอย่างที่โดดเด่น  ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนในสหรัฐฯ กำลังขยายตัวมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ชีวิตของประชาชนระดับล่างมีความทุกข์ยาก คนจนเข้าถึงการรักษาพยาบาลยาก ชาวสหรัฐฯมากถึง 1 ใน 6 และเด็กชาวสหรัฐฯมากถึง 1 ใน 4 ต้องเผชิญกับความหิวโหย

สำหรับประเด็นเกี่ยวกับชาวมุสลิมนั้น สหรัฐฯด้านหนึ่งข่มเหงชาวมุสลิมอย่างรุนแรงและดำเนิน “การขจัดความเป็นชาวอิสลาม” อย่างขนานใหญ่ อีกด้านหนึ่งกลับกล่าวหาอย่างไร้เหตุผลต่อเขตซินเจียงของจีนที่ดำเนิน “การขจัดแนวคิดหัวรุนแรง” ซึ่งได้เผยให้เห็นถึงการใช้สองมาตรฐานและความหน้าซื่อใจคดในประเด็นสิทธิมนุษยชนของสหรัฐฯอย่างเต็มที่ แท้จริงแล้ว สหรัฐฯไม่เคารพศาสนาอิสลาม ยิ่งไม่ได้เอาใจใส่ชาวมุสลิมอย่างจริงจัง หากแต่ใช้ประโยชน์จากอารมณ์ความรู้สึกทางศาสนาของชาวมุสลิมในการสร้างปัจจัยที่ก่อให้เกิดความไม่สงบด้วยน้ำมือมนุษย์

อย่างไรก็ตามแม้ต้องเผชิญกับปัญหาสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงและย่ำแย่เช่นนี้ รัฐบาลสหรัฐฯไม่เพียงแต่ขาดการทบทวนไตร่ตรองอันพึงมี กลับยังเที่ยวกล่าวหาสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศอื่นๆในโลก ส่งผลให้สูญเสียความไว้วางใจจากประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และถูกต่อต้านอย่างเด็ดเดี่ยวจากจีนและพลังที่เป็นธรรมของประชาคมระหว่างประเทศ ในยุคปัจจุบัน การพัฒนาของสังคมมนุษย์กำลังอยู่บนทางแยกใหม่และเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่ที่หนักหน่วง หวังว่าสหรัฐฯจะลดความหยิ่งผยองและเห็นอกเห็นใจต่อความทุกข์ยากของประชาชนภายในประเทศ ละทิ้งความหน้าซื่อใจคด การใช้อำนาจบาตรใหญ่และสองมาตรฐาน หันมาเดินบนหนทางเดียวกันกับประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ

YIM/LU

  • เสียงข่าวประจำวัน (15-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (15-11-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (15-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (14-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (14-11-2567)

陆永江