ตั้งแต่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้จัดงานสัมมนาว่าด้วยการงานของเขตปกครองตนเองชนเผ่าอุยกูร์ซินเจียงครั้งที่ 3 เมื่อเดือนกันยายนปี 2020 เป็นต้นมา ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้รับการปรับปรุงเป็นอย่างดี เศรษฐกิจและสังคมได้พัฒนาด้วยผลที่ดี ซึ่งมีแนวโน้มความมั่นคงทางสังคม ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข
ในอดีตเนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ เช่น ดินฟ้าอากาศ เป็นต้น เศรษฐกิจทางตอนใต้ของเขตซินเจียงพัฒนาค่อนข้างล้าหลัง แต่ปีหลังๆ นี้ ตอนใต้ซินเจียงได้ทำการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีเอกลักษณ์พิเศษของตน เช่น ผลิต “หนาง” แผ่นแป้งอบของกินพื้นเมือง ทำเกษตรปลูกผักผลไม้ที่เหมาะกับพื้นที่ ซึ่งเป็นความได้เปรียบของตน ต่างได้รับผลที่เห็นได้ชัด
หนางเป็นของกินพื้นเมืองมีมาช้านานของซินเจียงอย่างหนึ่ง คนจีนต่างมณฑลต่างก็รู้จัก เนื่องจากอาหารซินเจียงแพร่หลายในทั่วประเทศจีน
ในเขตแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารของเขตวัฒนธรรมหนางของเมืองคาสือ บรรดาพ่อครัวกำลังยุ่งกับการทำหนางอยู่ หนางมีรูปร่างหลากหลาย ต่างมีกลิ่นหอม นอกเขตแปรรูปซึ่งมีกระจกกั้นไว้ นักท่องเที่ยวสามารถชมกระบวนการทำหนางอย่างสนุกสนานได้
รองผู้อำนวยการสำนักงานผลิตหนางของคาสือ ได้แนะนำว่า เมื่อก่อน การทำหนางมักจะต่างคนต่างทำ มีประสิทธิภาพต่ำ ปัจจุบัน ขอแต่จ่ายค่าไฟฟ้าและค่าแก๊สธรรมชาติตามที่ได้ใช้ บรรดาพ่อครัวทำหนางจะทำงานในเขตวัฒนธรรมหนางของคาสือได้
ปัจจุบัน ในทั้งคาสือมีเขตวัฒนธรรมหนาง 14 แห่ง นอกจากนี้แล้วยังมีสหกรณ์ 201 แห่ง ห้องทำหนางระดับหมู่บ้าน 2,300 ห้อง ร้านอาหารที่ทำหนางขายอีก 54 แห่งด้วย
สถานที่ทำหนางเหล่านี้จัดตั้งขึ้นให้ใช้ฟรีโดยรัฐบาล ในสถานที่เหล่านี้ ได้ตั้งมาตรฐานด้านอนามัย มีสิ่งแวดล้อมค่อนข้างสบาย มีเครื่องปรับอากาศ ทำให้พ่อครัวที่ทำหนางมีประสิทธิภาพสูงในการทำงาน
นายมู่ซ่าเจียง อ้ายซา วัย 35 ปี เป็นพ่อครัวทำหนาง เขาเล่าว่า เมื่อมาทำงานที่เขตวัฒนธรรมหนางคาสือ สิ่งแวดล้อมดีขึ้น และรายได้ก็เพิ่มมากขึ้นไม่น้อย เขาเล่าว่า มาทำงานที่นี่หนึ่งปีครึ่ง มีรายได้ที่น่าพอใจ ได้มีเงินปรับปรุงบ้าน และได้ซื้อรถด้วย รายได้เดือนละหนึ่งหมื่นหยวน มีลูกน้อง 5 ถึง 6 คนช่วยทำงานด้วย
ปีหลังๆ มานี้ เขตคาสือได้ใช้วิธีการจัดตั้งอุตสาหกรรมสามระดับ อันได้แก่เขตวัฒนธรรมหนาง สหกรณ์ทำหนาง และห้องทำหนาง ได้พัฒนาอุตสาหกรรมหนางไปด้วยดี ปัจจุบัน อุตสาหกรรมหนางได้สร้างโอกาสงาน 37,000 ตำแหน่ง แต่ละวันจำหน่ายหนาง 6.6 ล้านชิ้น
อำเภอเหยียนฉี เป็นเขตผลิตเหล้าองุ่นหนึ่งในสี่ของซินเจียง ตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา อำเภอเหยียนฉีได้ถือการพัฒนากิจการเหล้าองุ่นเป็นเสาเหลักทางเศรษฐกิจ ปัจจุบัน ได้ปลูกองุ่นที่ใช้ทำเหล้าประมาณ 32 ตารางกิโลเมตร สร้างมูลค่าการผลิตต่อปีมากกว่า 250 ล้านหยวน
นายเฉิน ลี่จง เจ้าของฟาร์มองุ่นท้องถิ่นเล่าว่า หลายปีมานี้ได้รับการลงทุนอย่างมั่นคง ทั้งนี้ก็เพราะว่าผู้ลงทุนมีความมั่นใจต่อกิจการเหล้าองุ่นและบรรยากาศประกอบกิจการในซินเจียง ซึ่งมีอนาคตที่กว้างไกล
อำเภอซาชือ เป็นเมืองสำคัญตามเส้นทางสายไหมเก่า มีวัฒนธรรมประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ แต่ก็เผชิญหน้ากับปัญหาที่มีคนเยอะแต่ที่ดินทำกินน้อย ต้นปีนี้ อำเภอซาชือได้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในทะเลทรายโกบีที่มีพื้นที่ประมาณ 13 ตารางกิโลเมตร ได้สร้างเรือนกระจก 4,000 ห้อง ศูนย์เลี้ยงแกะ ได้สร้างโอกาสงานกว่า 3,000 ตำแหน่ง
นายเว่ย ซิงย่า ผู้รับผิดชอบนิคมโกบีอำเภอซาชือเล่าว่า เรือนกระจกที่นี่ได้ปลูกมะเขือเทศและพริกโดยเฉพาะ เมื่อมีนิคมโกบีซาชือแล้ว สร้างความสะดวกต่อการจำหน่ายและเพิ่มรายได้ของชาวบ้าน
เขาเล่าว่า เมื่อก่อนการรับผักต้องไปรับที่บ้านของชาวบ้านทีละบ้าน แล้วยังต้องตรวจคุณภาพของผักทีละบ้านด้วย แต่หลังจากมีนิคมซาชือแล้ว นิคมซาชือได้ตั้งมาตรฐานต่อผักที่ปลูก ผักมีคุณภาพที่ดีได้มาตรฐาน เรารับผักจากนิคมซาชืออย่างเดียว ทั้งสะดวกทั้งได้ผักที่มีคุณภาพดี
นายมั่ยม่าถีและภรรยาเป็นชาวบ้านในพื้นที่รอบๆ ได้เหมาเรือนกระจกเพื่อปลูกพริก 2 หลัง ภายในนิคมซาชือเมื่อเดือนสิงหาคมปีนี้ ภายใต้การแนะนำของเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยี ทำให้สามารถใช้อุปกรณ์อัตโนมัติสำหรับเรือนกระจกด้วยดี เขาคาดว่าปริมาณการผลิตพริกในงวดแรกจะได้ประมาณ 4 ตัน สามารถมีรายได้กว่า 8,000 หยวน
เขาเล่าว่า เมื่อก่อนผมไม่มีงานที่ถาวร ไร่นาที่ปลูกก็ได้ผลผลิตค่อนข้างน้อย ฉะนั้นเมื่อผมได้ทราบว่านิคมซาชือมีเรือนกระจกทำเกษตร ผมก็รีบมาที่นี่รับเหมาเรือนกระจก 2 แห่ง ได้เริ่มปลูกผักเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้ว พริกที่ผมปลูกงวดแรกจะเก็บเกี่ยวในเดือนตุลาคมนี้ การฉีดยา ทดน้ำ ใส่ปุ๋ยล้วนใช้อุปกรณ์อัตโนมัติ สะดวกมาก
ในนิคมซาชือที่กว้างใหญ่ เรือนกระจกเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ป่าไม้ต้นวอลนัทหลายตารางกิโลเมตรที่ปลูกใหม่ๆ ได้สร้างความมีชีวิตชีวาบนทะเลทราบโกบี
แผ่นแป้งหนางที่ได้รับความชื่นชอบ องุ่นและผักที่ปลูกได้เป็นจำนวนมาก ได้กลายเป็นหลักชีวิตใหม่ที่ทำให้ประชาชนตอนใต้ของซินเจียงมีชีวิตอยู่เย็นเป็นสุข