เนื่องจากได้เพาะเลี้ยงปูนา นาข้าวที่เลี้ยงปูและปลูกข้าวไปพร้อมกันนั้น จึงไม่สามารถใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงได้เลย ไม่เช่นนั้นก็จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของปู และเป็นอันตรายต่อชีวิตของปูด้วย
แม้ว่าวิธีนี้จะทำให้ผลิตข้าวได้น้อยกว่าข้าวนาธรรมดา แต่ข้าวอินทรีที่เพาะปลูกในนาข้าวที่เลี้ยงปูด้วยนั้น เป็นข้าวที่ปลอดสารพิษและรสชาติอร่อย ได้รับความนิยมจากตลาดมากขึ้น และมีราคาที่สูงยิ่งขึ้น
รูปแบบการเพาะเลี้ยงข้าวและปูไปพร้อมกัน ได้พัฒนาขึ้นในผันจิ่นเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว และได้รับการแพร่หลายไปทั่วประเทศ ผลกำไรจากผลิตผลทั้งสองอย่างนี้ ทำให้ชาวนาผันจิ่นหันมาปลูกข้าวพร้อมกับเลี้ยงปูกันอย่างแข็งขัน จากข้อมูลพบว่า ในที่นาหนึ่งไร่นั้น ชาวนาจะได้รับผลกำไรจากการปลูกข้าวประมาณ 500 หยวน (หรือราวๆ 2,500 กว่าบาท) และยังมีรายได้จากการเลี้ยงปูอีก 2,400 หยวน (หรือประมาณ 12,300 กว่าบาท)
稻作人家 ของเมืองผันจิ่น เป็นหมู่บ้านวิถีชีวิตชาวเกาหลีที่มีประวัติศาสตร์ประมาณร้อยปีแล้ว
ตอนนี้ ในหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่เพียงแต่มีชาวบ้านใช้ชีวิตอยู่ และยังมีการพัฒนากิจการท่องเที่ยวอีกด้วย เช่นมีร้านอาหารและร้านกาแฟที่มีเอกลักษณ์ของชาวเกาหลี นอกจากนี้ ยังมีบ้านพักแบบโฮมสเตย์หลายแห่ง ซึ่งเป็นบ้านแบบชาวเกาหลี ดูสะดวกสบายน่าอยู่มาก
ผู้คนในตัวเมืองนิยมออกจากตัวเมืองมาถึงที่นี่ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์หรงซิง และ ยังสามารถเพลิดเพลินกับการเกี่ยวข้าว จับปลา เป็นโอกาสที่ดีสำหรับการกลับสู่ธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังสามารถปรุงอาหารชนิดต่างๆ ที่ทำจากข้าวด้วยตนเอง และทำงานศิลปหัตถกรรมที่มีเอกลักษณ์ของชนบทด้วย