เมื่อเร็ว ๆ นี้ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ผ่านเกณฑ์มีผลบังคับใช้แล้ว
ความตกลงฉบับนี้ประกอบด้วยสมาชิก 15 ประเทศ ได้แก่ 10 ประเทศอาเซียน รวมกับอีก 5 ประเทศคู่เจรจาของอาเซียน ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
ความตกลง RCEP จะเป็นความตกลงการค้าเสรีฉบับใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมประชากรมากที่สุด ปริมาณมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศสูงสุด และดึงดูดทุนต่างชาติจำนวนมากที่สุดในโลก
ในฐานะความตกลงทางการค้าเสรีส่วนภูมิภาค หลังความตกลง RCEP มีผลบังคับใช้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญประการหนึ่ง นั่นก็คือ สินค้ากว่า 90% ระหว่างประเทศสมาชิกที่ให้สัตยาบันแล้วจะมีภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ ทั้งนี้ คาดว่าภายใน ค.ศ. 2035 สวัสดิการทางเศรษฐกิจส่วนภูมิภาคจะเพิ่มขึ้นสะสม 162,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือ ความตกลง RCEP จะทำให้จีน-ญี่ปุ่นและญี่ปุ่น-เกาหลีใต้สร้างความสัมพันธ์ทางการค้าเสรีขึ้นเป็นครั้งแรก
จีนเป็นประเทศคู่ค้าใหญ่อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นติดต่อกันเป็นเวลา 12 ปีแล้ว เกาหลีใต้เป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของญี่ปุ่น ปริมาณมูลค่าทางเศรษฐกิจของจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้รวมกันคิดเป็น 1 ใน 4 ของยอดมูลค่าเศรษฐกิจโลก ในอนาคตเขตการค้าเสรีระหว่างจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ในฐานะเป็น “RCEP+” จะเชื่อมโยงบรรดาประเทศเอเชียก้าวสู่การพัฒนาที่เป็นตัวของตัวเองมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของเอเชียซึ่งมีความตกลง RCEP ชี้นำนั้นยังคงอยู่ในขั้นต้นก็ตาม แต่หากบรรดาประเทศเอเชียยึดมั่นเดินบนหนทางนี้ต่อไปย่อมจะทำให้แนวคิดใหม่ในความตกลง RCEP ได้รับการปฏิบัติตามอย่างต่อเนื่องตลอดไป
(Tim/Zhou)