นอกจากเห็ดป่าแล้ว วอลนัทของยูนนานก็มีปริมาณผลผลิตที่มากไม่แพ้กัน อำเภอปกครองตนเองชนเผ่าอี๋ย่างปี้ จังหวัดปกครองตนเองชนเผ่าไป๋ต้าหลี่ เป็นแหล่งผลิตวอลนัทที่มีชื่อเสียง โดยวอลนัทย่างปี้มีลูกใหญ่ เปลือกบาง เนื้อขาว กลิ่นหอม และมีอัตราการออกผลคุณภาพดีที่สูงมาก เป็นผลิตผลที่เป็นตัวแทนทางภูมิศาสตร์แห่งชาติจีน

ปีนี้ วอลนัทยูนนาน ซึ่งรวมถึงวอลนัทย่างปี้ มีราคาต่ำกว่าปีก่อนๆ เป็นอย่างมาก ในตลาดแห่งหนึ่งของเมืองคุนหมิง พ่อค้าคนหนึ่งกล่าวว่า ปีก่อนๆ วอลนัทขายได้ประมาณ 30 หยวน (ประมาณ 150 บาท) ต่อหนึ่งกิโลกรัม แต่ปีนี้ เนื่องจากมีปริมาณการผลิตมากกว่าปีก่อนๆ ราคาจึงต่ำลงเรื่อยๆ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 20-25 หยวน (ประมาณ 100-125 บาท) ต่อกิโลกรัม

นอกจากเห็ดป่าและวอลนัทย่างปี้แล้ว แอปเปิ้ลของเมืองเจาทง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูนนาน ก็เป็นผลผลิตทางการเกษตรที่มีชื่อเสียงของยูนนานด้วย แม้ว่าจะมีราคาค่อนข้างแพง แต่แอปเปิ้ลของที่นี่กลับขายดีมาก

อันเนื่องจากว่า จีนเป็นประเทศผู้ผลิตแอปเปิ้ลรายใหญ่ แอปเปิ้ลของหลายพื้นที่มีคุณภาพดีเยี่ยม แอปเปิ้ลเจาทงก็มีเอกลักษณ์ที่หวานมาก กลิ่นหอมเข้มข้นและกรอบอร่อย  แต่สาเหตุที่สำคัญที่สุดที่ทำให้แอปเปิ้ลเจาทงขายดีก็คือ โอกาสทางตลาดที่ได้มาจากความได้เปรียบทางภูมิประเทศนั่นเอง เมืองเจาทงเป็นเมืองที่มีละติจูดต่ำที่สุดในบรรดาแหล่งผลิตแอปเปิ้ลของจีน ในพื้นที่ละติจูดต่ำนั้น จะมีอุณหภูมิสูง ดังนั้น แอปเปิ้ลเจาทงจึงมักจะสุกและวางจำหน่ายในท้องตลาดเร็วกว่าแอปเปิ้ลที่ปลูกในพื้นอื่นๆ ประมาณหนึ่งเดือน ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้เป็นอย่างดี

ในตอนนี้ แอปเปิ้ลเจาทงที่เก็บเกี่ยวปีนี้ได้ขายหมดแล้ว หลิน ไฉ่หัว ผู้ค้าส่งแอปเปิ้ลกล่าวว่า  ปีนี้ ราคาขายส่งของแอปเปิ้ลเจาทงอยู่ที่ 6 หยวนต่อกิโลกรัม (ประมาณ 30 บาท) ซึ่งสูงกว่าแอปเปิ้ลของพื้นที่อื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังไม่พอต่อความต้องการของตลาด

สุดท้าย แนะนำมะม่วงของมณฑลยูนหนานหน่อย เพราะป่ามะม่วงที่อยู่ในหมู่บ้านหลินเจียง อำเภอหัวผิง เมืองลี่เจียง ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของยูนนาน เดิมเคยเป็นเหมืองถ่านหินมาก่อน

อำเภอหัวผิงเคยเป็นอำเภอผลิตถ่านหินที่สำคัญ เมื่อถึงหน้าฝน จะมีดินทรายถ่านหินถูกซัดเข้าสู่แม่น้ำจินซาเจียง ทำให้น้ำในแม่น้ำเป็นน้ำโคลน ทำลายสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรง ปีหลังๆ มานี้ อำเภอหัวผิงได้ปิดเหมืองถ่านหินไปหลายแห่ง และส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกมะม่วง ปัจจุบัน หมู่บ้านหลินเจียงได้ปลูกมะม่วงประมาณ 16,600 ไร่ สร้างรายได้มากกว่า 500 ล้านหยวน (ประมาณ 2,500 ล้านบาท) ซึ่งมะม่วงที่นี่ไม่เพียงมีรสชาติอร่อย แต่ก็มีความหมายสำคัญทางการป้องกันสภาพแวดล้อมด้วย