เมืองตุนหวง มณฑลกันซู่ ตั้งอยู่ในเขตทะเลทรายโกบีทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เป็นเมืองสำคัญในเส้นทางสายไหมสมัยโบราณ โดยมีชื่อเสียงโด่งดังเพราะเป็นที่ตั้ง “ถ้ำโม่เกา” ซึ่งเป็นแหล่งรวมความศักดิ์สิทธิ์ที่มีพุทธศิลป์ขนาดใหญ่และเนื้อหาสมบูรณ์มากที่สุดในโลก ซึ่งข้างๆเขตท่องเที่ยวถ้ำโม่เกา เป็นสถาบันการศึกษาตุนหวง โดยนักวิจัยในสถาบันฯจะคอยเฝ้าอนุรักษ์ “คลังแห่งศิลปะ” แห่งนี้อยู่ตลอด
ถ้ำโม่เกา มีถ้ำที่ยังคงอยู่ 735 แห่ง จิตรกรรมฝาผนัง 45,000 ตารางเมตร และรูปปั้นที่มีสี 2,415 รูป เมื่อ ค.ศ.1987 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น "มรดกโลกทางวัฒนธรรม" โดย UNESCO ในช่วงกว่า 1,000 ปีที่ผ่านมา ถ้ำโม่เกาได้ผ่านช่วงรุ่งโรจน์ ทิ้งร้างและฟื้นฟู ปัจจุบัน กำลังเผชิญกับความยากลำบากหลายอย่างด้านการอนุรักษ์ นักวิจัยเฝ้าอนุรักษ์ถ้ำโม่เกาหลายชั่วคน ใช้ชีวิตที่เมืองตุนหวง ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ใช้ความพยายามเพื่ออนุรักษ์สภาพเดิม และทำข้อมูลเอกสารเก็บไว้
นายหัน เว่ยเหมิง ก็เป็นนักวิจัยหนึ่งในนั้น
เมื่อปี 2003 นายหัน เว่ยเหมิง เรียนจบจากสถาบันการศึกษาศิลปะเมืองซีอัน และทำงานที่ศูนย์ศิลปะสถาบันวิจัยตุนหวง ตำแหน่งนักวาดสำเนาจิตรกรรมฝาผนัง
การวาดสำเนาเป็นงานจำเป็นเพื่ออนุรักษ์แบบบูรณะจิตรกรรมฝาผนังในถ้ำโม่เกาแห่งตุนหวง และเป็นวิธีสำคัญเพื่อเข้าใจและศึกษาจิตรกรรมฝาหนังแห่งตุนหวง
นายหัน เว่ยเหมิง ทำงานที่นี่เกือบ 20 ปีแล้ว ตั้งแต่ ค.ศ.2017 เป็นต้นมา เขาศึกษางานวาดสำเนาถ้ำหมายเลข 172 มาโดยตลอด ซึ่งจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่ในถ้ำนี้ เป็นผลงานตัวแทนยุครุ่งเรืองที่สุดของสมัยราชวงถังที่ห่างจากปัจจุบันประมาณ 1,300 ปี ในภาพนี้ มีพระโพธิสัตว์และเทวดา บ้างฟังธรรม บ้างเล่นดนตรี ต่างมีรูปร่างอวบอิ่ม ดูงามสง่าและน่ายำเกรง
การวาดสำเนาภาพทั้งถ้ำ ต้องใช้เวลายาวนาน เพราะรายละเอียดทุกอย่างรวมถึงทุกเส้นสาย ต้องพยายามเทียบเคียงภาพเดิมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปกติจะแบ่งภาพเดิมเป็นหลายส่วน นักวาดแต่ละคนรับผิดชอบส่วนต่างกัน และรวมด้วยกันในที่สุด
นายหัน เว่ยเหมิง แนะนำว่า “การวาดสำเนามีความยากลำบากว่า เนื่องจากผ่านเวลานานมาแล้ว ใบหน้าพระพุทธรูปบางองค์เป็นปื้นดำไปหมด ไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดได้ ฉะนั้น ต้องมีการศึกษาและพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ จึงจะได้ภาพเดิมที่แท้จริง” นายหัน เว่ยเหมิง บอกว่า การบูรณะวาดสำเนาภาพต้องการความรู้หลากหลาย ขั้นตอนแรกจะศึกษาภาพถ่ายดิจิทัลอย่างละเอียดแล้วค่อยไปวาด ต้องเปรียบเทียบและปรับแก้หลายต่อหลายรอบ เพื่อให้เหมือนภาพเดิมมากที่สุด และจึงเอาไปเทียบกับจิตรกรรมตัวจริงในถ้ำ แล้วนำกลับมาปรับปรุงอีก เพื่อได้ความสมบูรณ์ที่สุด
นายหัน เว่ยเหมิงและทีมงานวาดตามผลงานจิตรกรรมฝาผนังพันปีนี้ทีละเส้นในทะเลทรายโกบี พยายามให้ได้อารมณ์ของภาพฉบับเดิม
เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ.2019 นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเดินทางถึงสถาบันวิจัยตุนหวง เพื่อรับรู้สภาพการอนุรักษ์โบราณวัตถุและการวิจัยด้านวิชาการ พร้อมกล่าวว่า ให้อนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมอันล้ำค่าจากบรรพบุรุษอย่างดี เพิ่มระดับการอนุรักษ์ด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสูง สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมระดับโลกนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ปัจจุบัน สถาบันวิจัยได้เก็บรวบรวมภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในถ้ำกว่า 270 แห่งของถ้ำโม่เกา และได้จัดทำเอกสารดิจิทัลให้กับถ้ำทุกแห่ง ภาพทุกที่และรูปปั้นทุกรูป
นายหัน เว่ยเหมิง กล่าวว่า “พวกเรามักจะกล่าวถึงการสืบทอด ตามความเข้าใจของผม สิ่งที่จะสืบทอดคือทักษะการวาด และเจตจำนงที่ยืนหยัด” เขาบอกว่า สาเหตุที่เขาทำงานอยู่ที่นี่มานานแล้ว ก็เพราะว่าในใจเขามีความผูกพันบางอย่าง คนรุ่นก่อนได้ทุ่มเทอย่างมากในถ้ำโม่เกา ถือเป็นการส่งเสริมให้คนรุ่นหลังใช้ความพยายามสืบต่อ เพื่ออนุรักษ์ ศึกษา และเผยแพร่วัฒนธรรมตุนหวง ไปพร้อมกับร่วมกันอนุรักษ์ความงามของตุนหวงด้วย
Yim/Ldan/Zheng