การประชุมสุดยอดผู้นำครั้งที่ 29 ขององค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation) หรือ “เอเปค” ( APEC ) กำลังจะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่การประชุมสุดยอดผู้นำของเอเปคจะจัดขึ้นแบบออนไซต์ในรอบหลายปีที่ผ่านมา จึงเป็นที่จับตามองของทั่วโลก
สำหรับความร่วมมือ “เอเปค” ( APEC ) หรือ Asia-Pacific Economic Cooperation จัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1989 เป็นองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่สำคัญของส่วนภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และเป็นองค์การความร่วมมือภาครัฐบาลระดับสูงสุดของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกด้วย ปัจจุบัน “เอเปค” ประกอบด้วยเขตเศรษฐกิจสำคัญจำนวน 21 เขตในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา “เอเปค” ได้แสดงบทบาทสำคัญในการส่งเสริมเสรีภาพและความสะดวกด้านการค้าการลงทุนในภูมิภาค และผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจภูมิภาคและระดับโลก
สำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำ “เอเปค” จัดขึ้นปีละครั้ง โดยผู้นำเขตเศรษฐกิจดังกล่าวจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจต่าง ๆ นอกจากนี้ การประชุมสุดยอดผู้นำ “เอเปค” ประจำปียังจะมีปฏิญญาผู้นำซึ่งเป็นเอกสารแนวทางข้อตกลงการดำเนินงานต่าง ๆ
ประเทศไทย ในฐานะประเทศเจ้าภาพของการประชุมสุดยอดผู้นำ “เอเปค” ประจำปี 2022 นี้ ได้ตั้งประเด็นของการประชุมครั้งนี้ว่า “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยที่จะให้ “เอเปค” เปิดกว้างสู่ทุกโอกาส เชื่อมโยงในทุกมิติ และสร้างสมดุลในทุกด้าน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาตำแหน่งประเทศประธานหมุนเวียนของ “เอเปค” ประจำปี 2022 ประเทศไทยได้ส่งเสริมความร่วมมือของ “เอเปค” เพื่อให้เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกพ้นจากผลกระทบของโควิด -19 โดยเร็ว และได้รับการพัฒนาอย่างสมดุล โดยเน้นการค้าและการลงทุนแบบเสรี กระชับความร่วมมือเพื่อรวมกลุ่มเศรษฐกิจ ให้ความสำคัญกับการเร่งฟื้นฟูความเชื่อมโยงในภูมิภาคอย่างปลอดภัย ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมขับเคลื่อนการทำงานในทุกมิติ
ปัจจุบัน สถานการณ์ระหว่างประเทศปั่นป่วนและสลับซับซ้อน ทั่วโลกได้เผชิญความเสี่ยงต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ วิกฤตพลังงาน เศรษฐกิจถดถอย ฯลฯ
ในภาวะเช่นนี้ ฝ่ายต่าง ๆ หวังว่าการประชุมสุดยอดผู้นำ “เอเปค” ปี 2022 จะศึกษาแนวทางการแก้ไขเพื่อยับยั้งการถดถอยทางเศรษฐกิจ คลี่คลายวิกฤต และสร้างสันติภาพ อีกทั้งหวังว่า การประชุมครั้งนี้จะสานต่อเป็นแนวนโยบายและความร่วมมือ โดยผลการประชุมจะเป็นประโยชน์ในระยะยาวต่อการสร้างความมั่นใจแก่ประชาคมโลก และสร้างความมั่นคงของตลาดระหว่างประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจโลกอยู่ในสถานะที่ดีและยั่งยืนขึ้น
(YING/ZHOU)