วันที่ 2 ธันวาคม นายเอ็มมานูเอล มาครงประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้เสร็จสิ้นการเยือนสหรัฐฯเป็นเวลา 3 วัน วัตถุประสงค์การเยือนสหรัฐฯของนายมาครงที่สันทัดในการไกล่เกลี่ยครั้งนี้ เพื่อหารือประเด็นกฎหมายว่าด้วยการลดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ให้ยกเว้นต่อวิสาหกิจยุโรป แต่กลับได้เพียงความผิดหวังเสียดายกลับมา
การเยือนสหรัฐฯของนายมาครงครั้งนี้เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการ แต่แท้ที่จริงเพื่อทวงความยุติธรรม เดือนสิงหาคมปีนี้ นายโจ ไบเดน ได้ลงนามอนุมัติใช้กฎหมายปรับลดเงินเฟ้อ และประกาศมาตรการกระตุ้นจำนวนมากซึ่งรวมทั้งให้เงินชดเชยสูง เป็นต้น เพื่อขับเคลื่อนการผลิตและประยุกต์ใช้รถพลังไฟฟ้าและเทคโนโลยีสีเขียวอื่นๆในสหรัฐฯ ซึ่งสร้างความไม่พอใจยิ่งให้กับประเทศยุโรป เนื่องจากบรรดาประเทศยุโรปเห็นว่า กฎหมายฉบับนี้ได้รวมนโยบายลัทธิปิดกั้นทางการค้า ได้ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์องค์การการค้าโลก จะเพิ่มความซบเซาให้กับภาคการผลิตอุตสาหกรรมของยุโรป บีบบังคับให้วิสาหกิจยุโรปโยกย้ายเส้นการผลิตไปที่สหรัฐฯ
เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของยุโรป ก่อนการไปเยือนสหรัฐฯ นายมาครงได้จัดงานเลี้ยงที่ทำเนียบเอลีเซ ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส เพื่อต้อนรับนักวิสาหกิจยุโรปจำนวนมากโดยเฉพาะ มุ่งที่จะเกลี้ยกล่อมให้พวกเขาคงเส้นการผลิตไว้ในยุโรปต่อไป สื่อมวลชนฝรั่งเศสและยุโรปต่างก็คาดหวังต่อการเยือนสหรัฐฯของนายมาครองครั้งนี้ ว่าสามารถเกลี้ยกล่อมให้สหรัฐฯยกเว้นวิสาหกิจยุโรปได้ วันแรกที่นายมาครงเดินทางถึงสหรัฐฯ นายมาครงได้วิพากษ์วิจารณ์กฎหมายปรับลดเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ว่ามีลักษณะโจมตีเหนือชั้นต่อวิสาหกิจยุโรป ทำให้ตำแหน่งงานของฝรั่งเศสและยุโรปเผชิญสภาพถูกทำลาย เป็นการใช้วิธีทำลายผลประโยชน์ของยุโรปมาแก้ไขปัญหาสหรัฐฯ นายมาครงยังระบุว่า ฝรั่งเศสหวังว่าสหรัฐฯ จะเห็นฝรั่งเศสเป็นเพื่อนที่ดี และเสนอให้สองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกส่งเสริมการประสานงานด้านเศรษฐกิจ
ต่อการร้องขอของนายมาครง นายไบเดนระบุว่าสหรัฐฯสามารถ “ปรับเล็กน้อย” ได้ แต่ไม่ได้กล่าวถึงมาตรการที่เป็นรูปธรรม สื่อมวลชนเยอรมนีรายงานว่า สำหรับปัญหาที่เกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ การเลือกสรรอันดับแรกของสหรัฐฯย่อมคำนึงถึงตนเองก่อนเป็นเรื่องถาวร ชาวยุโรปต้องมีความเข้าใจอย่างชัดแจ้งต่อการนี้
ในด้านนี้ ยุโรปน่าจะมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งตั้งแต่แรก ตั้งแต่เกิดการปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครนเป็นต้นมา เนื่องจากดำเนินการคว่ำบาตรต่อรัสเซียหลายรอบตามสหรัฐฯ ทำให้ยุโรปเผชิญหน้ากับวิกฤติพลังงานอย่างใหญ่หลวง แต่สหรัฐฯที่บอกว่าตนเป็นพันธ์มิตรของยุโรปนั้น กลับถือโอกาสนี้ขึ้นราคา ฉกเอาผลประโยชน์ขณะที่ผู้อื่นกำลังตกอยู่ในความลำบาก ภายใต้วิกฤติหลายอย่าง ยุโรปกำลังเผชิญหน้ากับการคุกคามใหญ่หลวงที่อุตสาหกรรม ตำแหน่งงานและเงินทุนไหลไปที่สหรัฐฯ ยุโรปคงมองเห็นความเจตนาของสหรัฐฯได้อย่างชัดแจ้งแล้ว จังหวะก้าวที่แสวงหาความเป็นตัวของตัวเองเชิงยุทธศาสตร์นั้นไม่อาจจะหยุดได้
(Yim/Cui/zheng)