‘สี จิ้นผิง’แกนนำที่ทุกคนเลื่อมใสและไว้วางใจ ตอนที่ 3

2022-01-19 09:16:42 | CMG
Share with:

ค.ศ. 2021 เป็นปีที่ 9 ที่นายสี จิ้นผิงดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน พรรครัฐบาลใหญ่ที่สุดในโลก ได้เข้าสู่การฉลองวันเกิดครบรอบ 100 ปี มีพรรคการเมืองเพียงไม่กี่พรรคในโลกที่ก่อตั้งขึ้นเป็นเวลานานและเป็นพรรครัฐบาลนานเช่นนี้ ก่อนที่สี จิ้นผิงจะได้รับเลือกเป็นเลขาธิการฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2012 พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีทีมผู้นำส่วนกลางหลายคน โดยมีนายเหมา เจ๋อตง, นายเติ้ง เสี่ยวผิง, นายเจียง เจ๋อหมิน และนายหู จิ่นเทา เป็นตัวแทนหลัก

สี จิ้นผิงนำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าสู่ยุคใหม่ และบรรลุเป้าหมายการฟันฝ่าต่อสู้หนึ่งร้อยปีประการแรก ซึ่งก็คือ การสร้างสังคมมีกินมีใช้อย่างรอบด้าน หรือ "เสี่ยวคัง" ในทุกด้าน เริ่มดำเนินการตามโครงร่างการสร้างสรรค์ความทันสมัยในยุคใหม่อย่างเต็มพลัง พยายามย่างเข้าสู่กระบวนการใหม่แห่งการบรรลุเป้าหมายการฟันฝ่าต่อสู้หนึ่งร้อยปีประการที่สอง ซึ่งก็คือ การฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งใหญ่แห่งประชาชาติจีน

สี จิ้นผิงเป็นแกนนำสำคัญในการควบคุมแนวโน้มทางประวัติศาสตร์อย่างไม่ต้องสงสัย เขาจะนำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเสร็จสิ้นภารกิจสำคัญท่ามกลางโอกาสและความท้าทายอย่างไร เขาจะนำจีนกลับสู่ศูนย์กลางเวทีโลกได้อย่างไร และจะมีผลกระทบอย่างไร ประเด็นเหล่านี้ได้รับความสนใจเช่นเดียวกับเมื่อครั้งแรกที่เขาเป็นเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อ 9 ปีที่แล้ว

เมื่อสื่อจีนและต่างประเทศรายงานถึงสี จิ้นผิง มักระบุว่าเขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่และมีการปฏิบัติที่กล้าหาญเด็ดขาด เป็นคนที่มีความคิดและความรักลึกซึ้ง เป็นคนที่สามารถสืบทอดมรดกและกล้าสร้างนวัตกรรม เป็นคนที่มองในภาพรวมอย่างถูกต้องและคล่องตัวในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เป็นคนที่ฟันฝ่าต่อสู้ตลอดและบังคับตนเองได้เป็นอย่างดี ตลอดจนเป็นคนที่ถ่อมตัวแต่ไม่กลัวความยากลำบาก

นักยุทธศาสตร์และนักปฏิบัติเพื่อสร้างประเทศให้เข้มแข็ง

การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อ ค.ศ. 1921 นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเปลี่ยนสถานภาพที่จีนค่อย ๆ กลายเป็นสังคมกึ่งอาณานิคมและกึ่งศักดินาภายหลังสงครามฝิ่นใน ค.ศ. 1840 และเพื่อเปลี่ยนสถานภาพที่ทั้งอ่อนแอ ยากจน และถูกรังแกข่มเหงเป็นประจำ เมื่อนึกถึงสภาพในอดีต สี จิ้นผิงถอนหายใจ "ช่างน่าอับอายเสียจริง! ช่างน่าอัปยศอดสูยิ่งนัก! ในเวลานั้นประเทศจีนเป็นแกะอ้วนที่รอการเชือด"

หัน ชิ่งเสียง ศาสตราจารย์ประจำโรงเรียนพรรคส่วนกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (สถาบันการบริหารแห่งชาติ) กล่าวว่า การบรรลุการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองอันยิ่งใหญ่แห่งประชาชาติจีนนั้น มี 4 ป้ายบอกระยะทาง หรือ 4 สัญลักษณ์สำคัญเชิงประวัติศาสตร์ ป้ายบอกระยะทางแรก คือ การกำเนิดขึ้นของพรรคคอมมิวนิสต์จีนใน ค.ศ. 1921 ป้ายบอกระยะทางที่สอง คือ การก่อตั้งจีนใหม่ใน ค.ศ. 1949 ป้ายบอกระยะทางที่สาม คือ ยุคใหม่แห่งการปฏิรูปและเปิดประเทศที่เริ่มใน ค.ศ. 1978 และป้ายบอกระยะทางที่สี่ คือ สังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีนเข้าสู่ยุคใหม่หลังจากการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 ในค.ศ. 2012 การเดินทางตลอดมาของพรรคล้วนเพื่อแก้ไขปัญหาที่ว่าจะทำให้ประชาชาติจีนยืนขึ้น มั่งคั่ง และเข้มแข็งขึ้นได้อย่างไร

‘สี จิ้นผิง’แกนนำที่ทุกคนเลื่อมใสและไว้วางใจ ตอนที่ 3

เพียงสองสัปดาห์หลังจากที่สี จิ้นผิงได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ในค.ศ. 2012 เขาได้เสนอ "ความฝันจีน" อันได้แก่ การบรรลุการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองอันยิ่งใหญ่แห่งประชาชาติจีน ในการประชุมเพื่อรำลึกการปฏิวัติซินไฮ่ครบรอบ 110 ปี เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2021 เขาได้กล่าวถึง “การฟื้นฟู” 25 ครั้ง นี่เป็นหนึ่งในคำที่ใช้บ่อยที่สุดในคำพูดของเขาในวันนั้น

สี จิ้นผิง มองว่า สำหรับการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองแห่งชาตินั้นต้องมีทั้งการออกแบบเชิงยุทธศาสตร์และการทุ่มเททำงานอย่างหนัก

เขานำหน้าปฏิบัติเป็นตัวอย่าง ใน ค.ศ. 2019 กิจกรรมสำคัญของสี จิ้นผิงที่รายงานอย่างเปิดเผยในสื่อมีมากกว่า 500 ครั้ง ในจำนวนนี้เป็นกิจกรรมในวันเสาร์หรืออาทิตย์ประมาณ 30 สัปดาห์ เขาแก้ไขเพิ่มเติมร่างแผนปฏิรูปสำคัญทุกฉบับอย่างละเอียดด้วยตนเอง

เขาบอกว่าแทบไม่มีเวลาให้กับตัวเอง อย่างไรก็ตามเขายังคงยืนหยัดเจียดเวลาไปว่ายน้ำเพื่อออกกำลังกาย บวกกับพื้นฐานจากการใช้แรงงานทางกายเป็นเวลานานในวัยหนุ่ม เขาบริหารจัดการภารกิจอันหนักหน่วงทั้งทางด้านพรรค, รัฐบาล และทหารด้วยพละกำลังอันแข็งแกร่ง และสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือ มีแรงขับเคลื่อนจากสำนึกในภาระหน้าที่ เขากล่าวว่า "ความผาสุกล้วนมาจากการฟันฝ่าต่อสู้ทั้งนั้น"

สี จิ้นผิงถือการศึกษาค้นคว้าในหน่วยงานพื้นฐานเป็น “หลักสูตรภาคบังคับ” เขามักจะปรากฏตัวในทุ่งนา, หมู่บ้านชาวประมง, ครอบครัวชาวบ้าน, ร้านอาหารขนาดเล็ก, ซูเปอร์มาร์เก็ต, โรงงานผลิตอุปกรณ์สําคัญ, วิสาหกิจเอกชน, ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์, หอผู้ป่วยในโรงพยาบาล, มหาวิทยาลัย, โรงเรียนมัธยมศึกษา, โรงเรียนประถมศึกษา หรือแม้กระทั่งคอกหมูและห้องสุขาของชาวนา

“ท่านเลขาธิการใหญ่สีมักมีข้อมูลค่อนข้างมาก เวลารายงานให้ท่านฟังต้องพูดความจริง จะพูดเท็จ พูดเกินเลย หรือ พูดไร้สาระไม่ได้ เพราะไม่สามารถหลอกเขาได้” จาง เมิ่งจิ้น ซึ่งเคยร่วมงานกับเขากล่าวย้อนไปในอดีต

สี จิ้นผิงเกลียดพฤติกรรมปลอมแปลงและผลักความรับผิดชอบ ระหว่างการศึกษาค้นคว้าครั้งหนึ่งเขาวิพากษ์วิจารณ์ว่า "ลัทธิรูปแบบนิยมคร่าชีวิตคนได้! ตอนนี้สหายบางคนเลียนแบบการสร้างภาพ ไม่ทำงานจริงจัง และเล่นกลลวง บางคนถึงกับซื้อสมุดคัดลายมือ หรือ สมุดบันทึกการศึกษารายวันจากทางอินเทอร์เน็ต และนำมาถ่ายเอกสารโดยถือเป็นรายงานผลการเรียนรู้ของตนเอง”

‘สี จิ้นผิง’แกนนำที่ทุกคนเลื่อมใสและไว้วางใจ ตอนที่ 3

ช่วงต้นปีใหม่ 2020 ขณะเผยแพร่รายงานรายเดือนเกี่ยวกับการสอบสวนและลงโทษผู้ฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของ “กฎระเบียบ 8 ประการ” ส่วนกลางนั้น คณะกรรมการตรวจสอบวินัยส่วนกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและคณะกรรมการการตรวจสอบแห่งชาติได้ประกาศข้อมูลตัวเลขด้านการตรวจสอบและลงโทษพฤติกรรมลัทธิรูปแบบนิยมและลัทธิเจ้าขุนมูลนายเป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจน

ตลอดช่วง 9 ปีที่ผ่านมา สี จิ้นผิงผ่านช่วงเวลาคับขันหลายครั้ง ต้นปี 2015 สถานการณ์ความมั่นคงในเยเมนเลวร้ายลงอย่างกะทันหัน ทำให้ชาวจีนมากกว่า 600 คนตกอยู่ในภาวะลำบาก สี จิ้นผิงสั่งการเฉียบขาดให้กองเรือคุ้มกันการเดินเรือทางทะเลแห่งกองทัพเรือจีนออกเดินทางทันทีเพื่ออพยพชาวจีนกลับประเทศ

สหรัฐฯ ได้ก่อสงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยีกับจีนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การวางแผนด้วยตนเองของสี จิ้นผิง จีนรับมือกับความขัดแย้งครั้งใหญ่นี้อย่างเหมาะสมด้วยท่าทีและหลักการอันได้แก่ “ไม่ประสงค์ทำสงคราม ไม่กลัวทำสงคราม จำใจทำสงครามเมื่อจำเป็นจริง ๆ” ได้ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ สี จิ้นผิง กล่าวว่า ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ควร "ปลูกดอกไม้ให้มาก ลดหนามให้น้อยลง" "การเสริมสร้างการพูดคุยและความร่วมมือเป็นทางเลือกเดียวที่ถูกต้องของทั้งสองประเทศ" "มหาสมุทรแปซิฟิกที่กว้างใหญ่ไพศาลมีพื้นที่เพียงพอที่จะรองรับจีนและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสองประเทศใหญ่”

จากการบรรลุการเดินเรือเพื่อลาดตระเวนเข้าสู่ภาวะปกติในบริเวณน่านน้ำเกาะเตี้ยวหยี๋ สู่การทลายสิ่งที่เรียกว่า "อนุญาโตตุลาการทะเลจีนใต้" จากการขับเคลื่อนการแก้ไขข้อพิพาทพรมแดนจีน-อินเดีย สู่การรับชาวจีนที่ถูกกักตัวอย่างผิดกฎหมายกลับประเทศ สี จิ้นผิงต่างวางยุทธศาสตร์และยุทธวิธีด้วยตนเอง กระทั่งออกหน้าเองเพื่อประสานงาน

ค.ศ. 2019 ฮ่องกงเกิดเหตุจลาจล สี จิ้นผิง กล่าวว่า "รัฐบาลจีนมีความมุ่งมั่นตั้งใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลงในการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ในการพัฒนาแห่งชาติ ปฏิบัติตามหลักการ 'หนึ่งประเทศสองระบบ' และต่อต้านการเข้าแทรกแซงกิจการฮ่องกงของอิทธิพลภายนอกใด ๆ" เขาบัญชาการปกป้องภารกิจ "หนึ่งประเทศสองระบบ" ทลายแผน "การปฏิวัติสี" ของอิทธิพลต่อต้านจีนและสร้างความปั่นป่วนในฮ่องกง

หลังจากเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติ สี จิ้นผิงนอนไม่หลับตลอดคืน วันรุ่งขึ้นเขาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประจำกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพื่อศึกษาค้นคว้ามาตรการรับมือ ก่อนหน้านี้เขาได้ตัดสินใจที่จะดำเนินการควบคุมการจราจรแบบปิดอย่างเข้มงวดในเส้นทางคมนาคมสู่ภายนอกและการไหลเวียนของผู้คนในมณฑลหูเป่ยโดยเฉพาะเมืองอู่ฮั่น นักการเมืองบางคนและสื่อตะวันตกบางสำนักได้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ แต่ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่านี่เป็นเพียงทางเลือกเดียวที่ใช้การได้

สี จิ้นผิงให้ "หงส์ดำ" และ "แรดเทา" เข้ามาอยู่ใน “พจนานุกรมแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน” การป้องกันและคลี่คลายความเสี่ยงอันร้ายแรงด้านต่าง ๆ ได้กลายเป็นลักษณะพิเศษและจุดเด่นของยุคใหม่

“ในประเทศที่ใหญ่โตขนาดนี้ ภาระหน้าที่นั้นหนักหน่วงยิ่ง การทำงานมีความยากลำบากเป็นพิเศษ ข้าพเจ้าจะอุทิศตนอย่างไม่เห็นแก่ตัว จะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง ข้าพเจ้าเต็มใจที่จะบรรลุภาวะ ‘อุทิศตนด้วยความเสียสละ’ เพื่อการพัฒนาของจีน” สี จิ้นผิงเคยกล่าวเช่นนี้ขณะตอบคำถามของชาวต่างประเทศผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูง

TIM/LU

  • เสียงข่าวประจำวัน (28-03-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (28-03-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (28-03-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (27-03-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (27-03-2567)

陆永江