ค.ศ. 2021 เป็นปีที่ 9 ที่นายสี จิ้นผิงดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน พรรครัฐบาลใหญ่ที่สุดในโลก ได้เข้าสู่การฉลองวันเกิดครบรอบ 100 ปี มีพรรคการเมืองเพียงไม่กี่พรรคในโลกที่ก่อตั้งขึ้นเป็นเวลานานและเป็นพรรครัฐบาลนานเช่นนี้ ก่อนที่นายสี จิ้นผิงจะได้รับเลือกเป็นเลขาธิการฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2012 พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีทีมผู้นำส่วนกลางหลายคน โดย นายเหมา เจ๋อตง, นายเติ้ง เสี่ยวผิง, นายเจียง เจ๋อหมิน และนายหู จิ่นเทา เป็นตัวแทนหลัก
นายสี จิ้นผิงนำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าสู่ยุคใหม่ และบรรลุเป้าหมายการฟันฝ่าต่อสู่หนึ่งร้อยปีประการแรก ซึ่งก็คือ การสร้างสังคมมีกินมีใช้อย่างรอบด้าน หรือ "เสี่ยวคัง" ในทุกด้าน เริ่มดำเนินการตามโครงร่างการสร้างสรรค์ความทันสมัยในยุคใหม่อย่างเต็มพลัง พยายามย่างเข้าสู่กระบวนการใหม่แห่งการบรรลุเป้าหมายการฟันฝ่าต่อสู่หนึ่งร้อยปีประการที่สอง ซึ่งก็คือ การฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งใหญ่แห่งประชาชาติจีน
นายสี จิ้นผิงเป็นแกนนำสำคัญในการควบคุมแนวโน้มทางประวัติศาสตร์อย่างไม่ต้องสงสัย เขาจะนำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเสร็จสิ้นภารกิจสำคัญท่ามกลางโอกาสและความท้าทายอย่างไร เขาจะนำจีนกลับสู่ศูนย์กลางเวทีโลกได้อย่างไร และจะมีผลกระทบอย่างไร ประเด็นเหล่านี้ได้รับความสนใจเช่นเดียวกับเมื่อครั้งแรกที่เขาเป็นเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อ 9 ปีที่แล้ว
ขณะสื่อจีนและต่างประเทศรายงานถึงนายสี จิ้นผิง มักจะระบุว่าเขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่และมีการปฏิบัติที่กล้าหาญเด็ดขาด เป็นคนที่มีความคิดและความรักลึกซึ้ง เป็นคนที่สามารถสืบทอดมรดกและกล้าสร้างนวัตกรรม เป็นคนที่มองในภาพรวมอย่างถูกต้องและคล่องตัวในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เป็นคนที่ฟันฝ่าต่อสู้ตลอดและบังคับตนเองได้เป็นอย่างดี ตลอดจนเป็นคนที่ถ่อมตัวแต่ไม่กลัวความยากลำบาก
แกนนำที่ทุกคนเลื่อมใสและไว้วางใจ
ค.ศ. 2021 การต่อสู้เพื่อปราบปรามการทุจริตที่จัดขึ้นและนำโดยนายสี จิ้นผิงเข้าสู่ปีที่ 9 ในช่วงหยุดวันชาติ คณะกรรมการตรวจสอบวินัยแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และคณะกรรมการตรวจสอบแห่งชาติ ได้ประกาศสอบสวนและลงโทษอดีตข้าราชการสาขาระบบการเมืองและกฎหมายระดับรัฐมนตรีอีกสองคน ส่วนในระบบการเงินนั้นได้กำจัดผู้บริหารระดับสูงที่ทุจริตไปแล้วกว่า 20 คนในปีนี้
ขณะนายสี จิ้นผิงเข้ารับ “กระบอง” ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อ 9 ปีที่แล้ว จีนเพิ่งกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกได้ไม่นาน แต่พรรคฯ กำลังเผชิญความท้าทายจากภายใน นายสี จิ้นผิงตระหนักถึงอันตรายอย่างชัดเจนและออกคำเตือนว่า "ข้อเท็จจริงมากมายบอกเราว่าปัญหาคอร์รัปชั่นกำลังเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ซึ่งในที่สุดย่อมจะนำพรรคและประเทศสู่ความล่มสลายได้!"
การจะเสริมสร้างสถานะแกนนำพรรคฯ ให้แข็งแกร่งอย่างไรเพื่อให้พรรคฯ ปกครองประเทศด้วยดีในระยะยาวนั้นถือเป็นภารกิจอันหนักหน่วงยิ่งบนบ่าของนายสี จิ้นผิง
ไม่ถึง 20 วันหลังจากเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน นายสี จิ้นผิงได้เป็นประธานในการกำหนดนโยบายซึ่งต่อมาเรียกว่า "ระเบียบ 8 ประการ" เพื่อปราบปรามพฤติกรรมที่เคยถูกมองว่ายากมากที่จะกำจัดได้ เช่น การกินทิ้งกินขว้างด้วยเงินหลวง รวมทั้งการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลือง เป็นต้น
ตลอดช่วง 9 ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ซึ่งทุจริตถูกจัดการเป็นจำนวนมาก รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรีขึ้นไปประมาณ 400 คน ในจำนวนนี้มีอดีตกรรมการประจำกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่รับผิดชอบด้านการเมืองและกฎหมายหนึ่งคน อดีตรองประธานคณะกรรมการการทหารสองคน และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกหนึ่งคน
ในสมัยก่อนเจ้าหน้าที่ทุจริตซึ่งหลบหนีไปต่างประเทศแล้วจะถูกมองว่าเข้าสู่ “อ่าวหลบลมมรสุม” ที่มีความปลอดภัยเต็มร้อย แต่ระหว่างปี 2014 - 2020 มีมากกว่า 8,300 คนที่ถูกจับกุมส่งกลับประเทศและนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจากกว่า 120 ประเทศและภูมิภาค
“ในช่วงวิกฤต นายสี จิ้นผิงได้กอบกู้สถานการณ์ด้วยความพยายาม” นี่คือคำวิจารณ์ที่สถานีวิทยุระหว่างประเทศฝรั่งเศสอ้างอิงในการรายงานข่าว
นายสี จิ้นผิง เสนอให้ "วางอำนาจไว้ในกรงของระบบ" เขานำการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแห่งชาติโดยนำทุกคนที่รับราชการอยู่ภายใต้การกำกับดูแล
“กล้าปฏิวัติตนเองนั้นเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของพรรคเรา” นายสี จิ้นผิงกล่าว
นับแต่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคฯ เป็นต้นมา นายสี จิ้นผิงเป็นผู้นำการร่างและแก้ไขเพิ่มเติมกฎระเบียบภายในพรรคฯ ประมาณ 200 ฉบับ และได้ดำเนินการให้ "วินัยพรรคฯ เข้มงวดกว่ากฎหมายแห่งรัฐ" อย่างทั่วด้าน เขาได้จัดการศึกษาอย่างเข้มข้นภายในพรรค 5 ครั้ง เพื่อให้สมาชิกพรรครักษาไว้ซึ่งอุดมการณ์และความมุ่งมั่นตั้งใจที่มั่นคง รวมทั้งรักษาไว้ซึ่งปฏิบัติการที่เป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพ
การส่งเสริมประชาธิปไตยภายในพรรคฯ เป็นสิ่งหนึ่งที่นายสี จิ้นผิงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก รายงานการประชุมสมัชชาใหญ่ผู้แทนพรรคทั่วประเทศ เอกสารการประชุมเต็มคณะของคณกรรมการกลางพรรค เอกสารสำคัญและการตัดสินใจที่สำคัญของพรรค ตลอดจนมาตรการปฏิรูปและการพัฒนาที่สำคัญ ฯลฯ ล้วนต้องขอความคิดเห็นภายในขอบเขตที่แน่นอนของพรรคและในบางครั้งต้องขอความคิดเห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้ง
นายสี จิ้นผิงมักเดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่สีแดงในอดีตของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งรวมถึงโบราณสถานแห่งการปฏิวัติใน “พื้นที่สีแดง”, แนวเส้นทาง “การเดินทัพทางไกล” (Long March) และเมืองเหยียนอาน เขาไปเยี่ยมเยือนสถานที่ถือกำเนิดพรรคฯ ในนครเซี่ยงไฮ้และเมืองเจียซิง มณฑลเจ้อเจียง สิบกว่าครั้ง ในปี 2017 นายสี จิ้นผิงนำเพื่อนร่วมงานที่เป็นกรรมการประจำกรมการเมือง แห่งคณะกรรมการกลางพรรคฯ กล่าวคำสาบานในสถานที่จัดการประชุมผู้แทนทั่วประเทศครั้งแรกของพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่า "พร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อพรรคและประชาชนทุกเมื่อ"
จนถึงปี 2021 พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีสมาชิกมากกว่า 95 ล้านคน ซึ่งมากกว่าประชากรประเทศเยอรมนีกว่า 10 ล้านคน จากการสำรวจที่จัดทำโดยวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเคนเนดี้ ความพึงพอใจของประชาชนจีนที่มีต่อรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้นสูงถึง 93% รายงานผลสำรวจระดับความเชื่อถือที่เผยแพร่โดยบริษัทที่ปรึกษาเอเดลแมน ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลกเมื่อปี 2020 สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนจีนมีความไว้วางใจต่อรัฐบาลจีนสูงถึง 95% ครองอันดับหนึ่งในกลุ่มประเทศที่ทำการสำรวจ
ทั้งนี้ แตกต่างจากพรรคการเมืองจำนวนหนึ่งในโลกปัจจุบันซึ่งมีสภาพการจัดตั้งแบบหลวม ๆ องค์กรระดับพื้นฐานมากกว่า 4.86 ล้าน องค์กรของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีวินัยที่เข้มงวดและได้รับการพัฒนาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผ่าน "เซลล์" เหล่านี้ นายสี จิ้นผิงนำพรรคฯ และประเทศประสบผลสำเร็จยิ่งใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น การเอาชนะสงครามแก้ไขอุปสรรคและความยากลำบากเพื่อขจัดความยากจน, สร้างสังคมมีกินมีใช้อย่างรอบด้าน, สร้างเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ที่สุดในโลก, ส่งเสริมการจ้างงานอย่างเต็มที่, ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19, บรรลุการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนทางเศรษฐกิจ และการรักษาไว้ซึ่งความกลมกลืนและความมั่นคงทางสังคม เป็นต้น
การประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 6 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 18 ซึ่งจัดขึ้นในปี 2016 ได้กำหนดอย่างชัดเจนว่า นายสี จิ้นผิงเป็นแกนหลักของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและเป็นแกนหลักของทั่วทั้งพรรค
บุคคลผู้ทรงอิทธิพลภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีนเห็นว่า การที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหญ่ปกครองประเทศขนาดใหญ่นั้นย่อมจะเผชิญอุปสรรคและความยากลำบากมากมายบนหนทางแห่งการก้าวไปข้างหน้า หากไม่มีแกนนำที่เข้มแข็งก็ยากที่จะมีเอกภาพด้านเจตจำนงของทั้งพรรค ยากที่จะบรรลุความสามัคคีและเอกภาพของประชาชนทุกชนเผ่าทั่วประเทศ และก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้สำเร็จ ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างผลงานดั่งปาฏิหาริย์บนโลกใบนี้ ตลอดจนเอาชนะ "การต่อสู้อันยิ่งใหญ่ที่มีลักษณะพิเศษใหม่อันหลากหลายทางประวัติศาสตร์"
ที่ประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 19 ในปี 2017 แนวคิดของนายสี จิ้นผิงว่าด้วยสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีนในยุคใหม่ได้รับการสร้างขึ้นอย่างเป็นทางการ นี่คือแนวทาง ความคิดและการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการนำประเทศบรรลุความทันสมัยตามหนทางที่ถูกต้องในยุคใหม่ นายสี จิ้นผิงได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกครั้งในที่ประชุมเต็มคณะครั้งแรกของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 19
“จะไม่เดินทั้งหนทางเก่าที่ตัดขาดจากโลกภายนอกและตายตัว และหนทางเลวร้ายที่จะเปลี่ยนธง” นายสี จิ้นผิงกล่าวขณะอธิบายเกี่ยวกับหนทางลัทธิสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีนในยุคใหม่
แนวคิดสี จิ้นผิงว่าด้วยสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีนในยุคใหม่ได้รับการบรรจุอยู่ในธรรมนูญพรรคฯ และรัฐธรรมนูญ ซึ่งบูรณาการทั้งการปฏิรูป การพัฒนา และความมั่นคง, กิจการภายในประเทศ กิจการต่างประเทศ และการป้องกันประเทศ, และการบริหารจัดการพรรค ประเทศและกองทัพ ตลอดจนเชื่อมโยงปรัชญามาร์กซ์ เศรษฐศาสตร์การเมือง และสังคมนิยมทางวิทยาศาสตร์ จึงได้รับการยกย่องว่าเป็น "ผลสำเร็จล่าสุดของความเป็นแบบจีนของลัทธิมาร์กซ์ เป็นลัทธิมาร์กซ์ในศตวรรษที่ 21 และเป็นลัทธิมาร์กซ์ของจีนยุคปัจจุบัน"
นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 19 เป็นต้นมา ความคิดสีจิ้นผิงว่าด้วยการสร้างสรรค์กองทัพให้แข็งแกร่ง, แนวคิดสีจิ้นผิงว่าด้วยเศรษฐกิจ, แนวคิดสีจิ้นผิงว่าด้วยอารยธรรมนิเวศวิทยา, แนวคิดสีจิ้นผิงว่าด้วยการทูต และแนวคิดสีจิ้นผิงว่าด้วยนิติรัฐได้รับการสถาปนาขึ้นตามลำดับ กลายเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของแนวคิดสีจิ้นผิงว่าด้วยลัทธิสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีนในยุคใหม่
ศาสตราจารย์ ซิน หมิง จากโรงเรียนพรรคแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (สถาบันการปกครองแห่งชาติ) กล่าวว่า เฉกเช่นเดียวกับนายเหมา เจ๋อตง และนายเติ้ง เสี่ยวผิง นายสี จิ้นผิงได้ขับเคลื่อนความเป็นแบบจีนและความทันสมัยของลัทธิมาร์กซ์ด้วยความสำเร็จอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นประสบการณ์พื้นฐานในการบรรลุความสำเร็จในรอบศตวรรษที่ผ่านมาของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
นายหลิว หรงกัง นักวิจัยจากสถาบันศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์และข้อมูลพรรคคอมมิวนิสต์ส่วนกลาง กล่าวว่า การบรรลุ "การรักษาสองประการ" (การรักษาสถานะที่เป็นแกนหลักของเลขาธิการใหญ่ สี จิ้นผิง ในคณะกรรมการกลางพรรคฯ และทั่วทั้งพรรคฯ อย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ รักษาความทรงอิทธิพลและการนำแบบรวมศูนย์รวมทั้งเป็นเอกภาพของคณะกรรมการกลางพรรคอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่) เป็นหลักประกันทางการเมืองในการยืนหยัดและพัฒนาสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีนระหว่างการเดินทางครั้งใหม่ในยุคใหม่
TIM/LU