นางสาวเหลียง ซุ่น วัย 24 ปี เป็นนางพยาบาลห้องไอซีอยูโรงพยาบาลจิน อิ๋นถัน เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทางภาคกลางของจีน เมื่อ 3 ปีก่อน เกิดสถานการณ์โควิด-19 อย่างกะทันหัน เหลียง ซุ่น ที่ฉลองเทศกาลตรุษจีนในเมืองเซี่ยวก่านที่บ้านเกิด สวนทางกลับถึงเมืองอู่ฮั่นในวันส่งท้ายปีเก่าเพื่อสนับสนุนการต่อสู้กับโควิด-19
เวลาผ่านไป 3 ปี วันส่งท้ายปีเก่าในปีนี้ เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ในที่สุดเหลียง ซุ่น จะได้กลับบ้านเกิดและกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับคนในครอบครัวอีกครั้ง เป็นมื้ออาหารที่เธอรอนานถึง 3 ปี เหลียงซุ่นกล่าวว่า การอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันก็คือสัญลักษณ์ของเทศกาลตรุษจีนอย่างหนึ่ง
เหลียง ซุ่น เข้าทำงานมาแล้ว 5 ปี คุณพ่อของเธอเป็นแพทย์ประจำหมู่บ้านในอำเภอต้าอู้ เมืองเซี่ยวก่าน ในเวลาปกติเมื่อมีคนป่วยเขาจะให้การรักษา ตั้งแต่เหลียง ซุ่น จำความได้เธอก็ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของพ่อไปบ้านผู้ป่วยทุกวัน เมื่อเห็นผู้ป่วยที่ทุกข์ทรมานหายดี เห็นพวกเขาจับมือพ่อและแสดงความขอบคุณ เหลียง ซุ่นก็มีความใฝ่ฝันที่จะทำอาชีพนี้ ต่อมา เหลียง ซุ่น สอบเข้าเรียนวิชาชีพการพยาบาล
เดือนเมษายน 2018 เหลียงซุ่นสำเร็จการศึกษาด้วยวัย 19 ปี และสมัครเข้าทำงานในโรงพยาบาลจิน อิ๋นถัน ถูกจัดให้ทำงานในห้องไอซียู กลายเป็นนางพยาบาลอายุน้อยที่สุดในโรงพยาบาล
ในช่วงต่อสู้กับโควิด-19 เหลียงซุนสวมชุดป้องกันที่มีน้ำหนักทุกวัน ให้การดูแลผู้ป่วยหนักที่ห้องกักตัว ในตอนแรกๆ เนื่องจากกำลังคนไม่พอ พวกเธอมักจะทำงานนานกว่า 10 ชั่วโมง หากเหนื่อยแล้วง่วงก็จะพักบนพื้นในห้องทำงาน เมื่อถอดชุดป้องกันจะเห็นว่าเหงื่อเปียกซกทั้งตัว มีร่องรอยของหน้ากากอนามัยบนใบหน้า
การรักษาพยาบาลผู้ป่วยหนัก ไม่ต่างจากการทำงานแข่งกับมัจจุราช โดยเหลียง ซุ่นกับเพื่อนร่วมงานได้อดทนต่อแรงกดกันเพื่อสร้างให้ความหวังของการรอดชีวิตกับผู้ป่วยจำนวนมาก
สถานการณ์โควิด-19 นาน 3 ปี เหลียง ซุ่นได้กลายเป็นสักขีพยานแห่งการเปลี่ยนแปลง จากนางพยาบาลที่เคยอายุน้อยที่สุดในโรงพยาบาล เวลานี้ใจเย็นเหมือนทหารที่มากประสบการณ์ในสนามรบ เธอกล่าวว่าไม่ว่าการทำงานหรือสภาพจิตใจ ตอนนี้ฉันคิดว่าตัวเองเติบโตแล้ว
ในขณะที่เพิ่งเข้าทำงาน เหลียง ซุ่นกลัวว่าจะมีคนว่าโรงพยาบาลจิน อิ๋นถันเป็นโรงพยาบาลโรคติดต่อแห่งหนึ่ง เมื่อแนะนำที่ทำงานเธอก็พูดว่าเป็นศูนย์รักษาทางการแพทย์เมืองอู่ฮั่น คนอื่นก็คิดว่านี่เป็นศูนย์ปฐมพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่เวลานี้เธอได้พบความเป็นความตาย การพลัดพราก เมื่อแนะนำที่ทำงานของตนเธอจะพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจว่า โรงพยาบาลจิน อิ๋นถัน
(Bo/Cui/Patt)