นายสี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชี้ว่า เขตปกครองตนเองมองโกเลียในทางตอนเหนือของจีนต้องยึดมั่นในแนวทางการพัฒนาเชิงยุทธศาสตร์ มุ่งสู่การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมุ่งมั่นที่จะเขียนบทใหม่แห่งความทันสมัยแบบจีน
นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีและประธานคณะกรรมาธิการการทหารกลางแห่งประเทศจีน ได้กล่าวเช่นนี้ระหว่างลงพื้นที่ตรวจงานที่เมืองฮูฮอต เมืองเอกของเขตปกครองตนเองมองโกเลียในเมื่อวันที่ 7-8 มิถุนายนที่ผ่านมา
ในระหว่างดูงานที่นิคมอุตสาหกรรมจงหวนในบ่ายวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นแนวทางที่ต้องเป็นไป ความสำคัญสูงสุดในการพัฒนาของมองโกเลียในอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงและยกระดับอุตสาหกรรมพลังงานแบบดั้งเดิม การพัฒนาพลังงานสีเขียวอย่างจริงจัง และการเสริมสร้างฐานพลังงานหลักของประเทศ ตลอดจนต้องมีการดำเนินการเปิดกว้างในระดับสูงและมีส่วนร่วมในความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ร่วมกันกับประเทศต่างๆทั่วโลก
ในเช้าวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้รับฟังรายงานการทำงานของคณะกรรมการพรรคฯและรัฐบาลเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน และชื่นชมความสำเร็จของพวกเขา
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวว่า มองโกเลียในเป็นฐานพลังงานและทรัพยากรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เป็นฐานการผลิตสินค้าเกษตรและปศุสัตว์ที่สำคัญ อีกทั้งยังเป็นประตูสำคัญของประเทศในการเปิดสู่ประเทศและภูมิภาคทางตอนเหนือของจีน มองโกเลียในควรปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมตามลักษณะเฉพาะ และการวางตำแหน่งเชิงยุทธศาสตร์ของตน เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมที่โดดเด่น สำรวจเส้นทางการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาใหม่ที่เหมาะสมกับภูมิภาคที่อุดมด้วยทรัพยากร และเร่งสร้างระบบอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่แสดงถึงคุณลักษณะเฉพาะและจุดเด่นของมองโกเลียใน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวด้วยว่า เขตปกครองตนเองมองโกเลียในควรมีส่วนร่วมในการสร้างหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง รวมถึงระเบียงเศรษฐกิจจีน-มองโกเลีย-รัสเซีย และยกระดับการเปิดสู่ภายนอก นอกจากนี้ มองโกเลียในยังต้องเพิ่มความเชื่อมโยงกับภูมิภาคปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี เขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า และมณฑลทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงยังได้กล่าวถึงด้านระบบนิเวศวิทยาว่า มองโกเลียในต้องแสดงบทบาทของตนในฐานะแนวกั้นทางนิเวศวิทยาที่สำคัญในภาคเหนือของจีน ต้องใช้ความพยายามในการดำเนินโครงการระบบนิเวศที่สำคัญ รวมถึงโครงการควบคุมแหล่งกำเนิดพายุทรายที่ส่งผลกระทบต่อกรุงปักกิ่งกับนครเทียนจิน และโครงการพื้นที่ปลูกป่าซานเป่ย (Three-North Shelterbelt Forest) ตลอดจนประกันการจัดการกับเส้นสีแดงทางนิเวศที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของแนวทางที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยใช้ความพยายามในการสร้างหลักประกันและปรับปรุงคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นในระหว่างการพัฒนา
(yim/cai)