ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ลูกทั้ง 3 คนของนางเจิงได้เข้าสู่ช่วงปิดเทอมฤดูหนาวที่เป็นเวลาหนึ่งเดือน นางเจิงได้วางแผนจะใช้ประโยชน์ของช่วงปิดเทอมนี้เพื่อให้ลูก ๆ อ่านหนังสือวันละครึ่งชั่วโมง
นางเจิงเป็นผู้รับผิดชอบของสำนักพิมพ์หนังสือภาพแห่งหนึ่ง ลูกคนโตของเธออยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และอีก 2 คนเพิ่งเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
นางเจิงได้ยืนหยัดอ่านหนังสือร่วมกันกับลูก ๆ เป็นเวลา 2-3 ปีแล้ว เวลา 2 ทุ่มทุกวัน ลําโพงอัจฉริยะที่บ้านของนางเจิงจะมีเสียงปลุกดังขึ้น โดยเตือนว่า ถึงเวลาอ่านหนังสือแล้ว ทันใดนั้น นางเจิงจะพาลูก ๆ ไปอ่านหนังสือร่วมกัน
ประสบการณ์ของนางเจิงมีอยู่สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อเลือกบรรณานุกรม จําเป็นต้องรวมเข้ากับความสนใจของเด็ก ๆ เพื่อทําให้พวกเขาตั้งตารอที่จะอ่าน
สําหรับ e-Books ในมุมมองของนางเจิง คิดว่า หนังสือแต่ละรูปแบบต่างมีข้อดี เพียงแต่ว่าหนังสือเล่มนี้นําเสนอในสื่อที่แตกต่างกัน ข้อดีอย่างหนึ่งของ e-Books คือง่ายต่อการสร้างมาร์กอัปและจดบันทึกการอ่าน ไม่มีความแตกต่างสำคัญจากหนังสือกระดาษ
นางเจิงยังคงหวังว่า เด็ก ๆ จะอ่านหนังสือกระดาษมากขึ้น เพราะการอ่านเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน เด็ก ๆ จะฝึกประสาทสัมผัสหลายอย่าง เช่น การมองเห็นและการสัมผัสในกระบวนการอ่านหนังสือกระดาษ และการอ่านหนังสือกระดาษจะต้องเป็นวิธีที่ลึกและมีประสิทธิภาพที่สุดในการสื่อสารกับผู้เขียนและผลงาน ผู้ปกครองสามารถใช้ e-Books เป็นสะพานในการแนะนําให้เด็กๆ ไปอ่านหนังสือกระดาษ
นางเจิงยังระบุด้วยว่า ความจริง ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญในเรื่องที่ลูกได้อ่านหนังสือหรือไม่ อ่านหนังสือเรื่องอะไร และอ่านอย่างไรมากกว่า
นอกจากนี้ นางเจิงยังรู้สึกว่าวิธีการอ่านก็สำคัญมาก เพราะว่าหากผู้ปกครองเชี่ยวชาญวิธีการอ่านบางอย่าง พวกเขาสามารถแนะนําบุตรหลานให้อ่านได้ดีขึ้น
(YING/ZHOU)