“จากแพนด้าถึงภาษีด่านศุลกากร ประเด็นทั้งหมดล้วนนำขึ้นโต๊ะหารืออย่างเปิดเผย ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีนกับออสเตรเลีย” นี่เป็นคำประเมินของสำนักข่าวออสเตรเลียน แอสโซซิเอทเต็ด เพลส (AAP) ที่มีต่อการเจรจาเชิงยุทธศาสตร์ทางการทูตระหว่างจีนกับออสเตรเลีย ครั้งที่ 7 สื่อออสเตรเลียระบุว่า การเยือนออสเตรเลียครั้งนี้ของนายหวัง อี้ นับเป็นวี่แววล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับออสเตรเลียกำลังฟื้นตัว หลังตกอยู่ในสภาพชะงักงันเป็นเวลาหลายปีที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า ถ้าหากออสเตรเลียอยากจะได้รับประโยชน์จากจีนและพัฒนาร่วมกัน ก็ควรปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ที่ “ยับยั้งจีนตามสหรัฐอเมริกา” และบนพื้นฐานนี้ จึงจะได้ผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีให้ขึ้นสู่ระดับใหม่ ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับออสเตรเลียไม่เดินทางย้อนหลัง ก็ควรให้ความสำคัญต่อประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้
ก่อนอื่น สองฝ่ายควรให้ความเคารพต่อกัน ควบคุมข้อขัดแย้งอย่างสมเหตุสมผล โดยเฉพาะออสเตรเลียควรเคารพซึ่งผลประโยชน์และความห่วงใยสำคัญของจีน ระหว่างการเยือนครั้งนี้ นายหวัง อี้ได้ชี้แจงถึงจุดยืนของจีนในปัญหาไต้หวัน ฮ่องกง ซินเจียง ทิเบตและทะเลจีนใต้ ส่วนนายกรัฐมนตรีอัลบานีสกล่าวเน้นว่า ออสเตรเลียยึดหลักนโยบายจีนเดียวมาโดยตลอด นี่เป็นความรับรู้ร่วมกันของสองพรรคในออสเตรเลีย และจะสนับสนุนต่อไป
นอกจากนั้น การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับออสเตรเลียที่สำคัญอยู่ที่จัดการด้วยตนเอง ออสเตรเลียเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ ทั้งเป็นหุ้นส่วนของจีน ยิ่งเป็นประเทศที่มีอธิปไตย จีนเน้นว่า การพัฒนาของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับออสเตรเลียไม่เจาะจงต่อฝ่ายที่สาม แต่ก็ไม่ควรถูกรบกวนหรือถูกผลกระทบจากฝ่ายที่สาม นักวิเคราะห์เห็นว่า คำพูดดังกล่าวเป็น “คำกล่าวเตือนด้วยเจตนาดี” ต่อออสเตรเลีย
การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับออสเตรเลียนั้น ความร่วมมือทางการค้าคงเป็นพลังผลักดันที่คึกคักที่สุด จีนได้กลายเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับหนึ่งของออสเตรเลียติดต่อกัน 15 ปีที่ผ่านมา เป็นประเทศส่งออกและนำเข้ารายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย พร้อมๆกับความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างสองประเทศได้รับการปรับปรุง การค้าระหว่างจีนกับออสเตรเลียคงฟื้นฟูและพัฒนาเร็วยิ่งขึ้น