เมื่อเร็วๆ นี้ ญี่ปุ่นมีพฤติกรรมอันตรายบางอย่าง เช่น การอัพเกรด “สนธิสัญญาความมั่นคงสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น” ให้สูงขึ้นอย่างมาก การเข้าร่วมกับสหรัฐฯ ออสเตรเลียและฟิลิปปินส์ จัดการซ้อมรบร่วมในทะเลจีนใต้ การขอเข้าเป็นพันธมิตรออกัส (AUKUS) เป็นต้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวถูกคัดค้านจากวงการต่างๆ อย่างมาก
“สนธิสัญญาความมั่นคงสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น” ฉบับใหม่กำหนดว่าเมื่อญี่ปุ่นถูกโจมตี สหรัฐฯมีหน้าที่ช่วยปกป้อง โดยทหารสหรัฐฯ สามารถใช้ฐานทัพประจำญี่ปุ่น แต่เมื่อสหรัฐฯ ถูกโจมตี ญี่ปุ่นไม่ต้องแบกรับหน้าที่ช่วยป้องกัน นอกจากนั้นสองฝ่ายยังประกาศว่าจะยกระดับความสัมพันธ์จาก “พันธมิตร” มาเป็น “หุ้นส่วนรอบโลก” ที่ถือ “ความร่วมมือการป้องกันร่วม” เป็นจุดสำคัญ ขยายขอบเขตความร่วมมือ รวมถึงการร่วมวิจัยอุปกรณ์ป้องกันและอุปกรณ์นิวไฮเทคต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์และคอมพิวเตอร์ควอนตัม เป็นต้น ขณะเดียวกันแถลงการณ์ร่วมยังได้เอ่ยถึงปัญหาทะเลตะวันออก ทะเลจีนใต้และไต้หวันว่า จะเสริมความร่วมมือแบบพหุภาคี เสริมความร่วมมือกับนาโต เป็นต้น
พฤติกรรมดังกล่าวของรัฐบาลญี่ปุ่นสร้างความกังวลให้กับแวดวงต่างๆเกิดความระมัดระวังอย่างสูง เมื่อเร็วๆ นี้ หนังสือพิมพ์อาซาฮีชิมบุนออกบทวิเคราะห์ว่าภาพลักษณ์ของญี่ปุ่นที่เป็นประเทศสันติภาพนั้นกำลังถูกสงสัย สหรัฐฯ เป็นประเทศทางทหารที่ใหญ่ที่สุดของโลก แล้วเข้ามาก้าวก่ายกิจการในเอเชียแปซิฟิกนั้น มีลักษณะทางทหารอย่างเข้มข้น การที่สหรัฐฯ กับญี่ปุ่นอัพเกรดพันธมิตรทางทหาร จะทำลายความสมดุลของภูมิภาคนี้ทำให้ประเทศอื่นเกิดความกังวลและไม่พอใจ นำความเสี่ยงต่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค