ท่ามกลางการปฏิบัติของส่งเสริมการปฏิรูปที่ลึกซึ้งอย่างรอบด้านของจีนประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ทำความเข้าใจต่อระบบการปฏิรูปอย่างถ่องแท้ ใช้วิจารณญาน ศึกษาในเชิงลึก และมีจุดยืน ใช้มุมมองและวิธีการของลัทธิวัตถุนิยมวิภาษวิธีเพื่อแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรม นำประเทศจีนในยุคสมัยใหม่ดำเนินการปฏิรูปครั้งยิ่งใหญ่ที่ลงลึกและรอบด้าน
หวนกลับไปเมื่อปีค.ศ. 1978 การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 11 ได้เปิดฉาก “การปฏิรูปและเปิดประเทศ” ของจีน ตามแนวคิดของท่านเติ้ง เสี่ยวผิง นักการเมืองและนักปฏิรูปผู้ยิ่งใหญ่ของจีน ใช้นโยบายที่ว่า “"อนุญาตให้คนกลุ่มหนึ่ง และภูมิภาคส่วนหนึ่งร่ำรวยก่อน แล้วคนที่รวยก่อนช่วยคนอื่นๆ ตามหลัง เพื่อที่จะบรรลุซึ่งความมั่งคั่งร่วมกันอย่างเป็นขึ้นเป็นตอน ” เป็นการส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอย่างมีประสิทธิภาพ
แต่นโยบายนี้กลับมีผู้คนส่วนใหญ่ที่รวมถึงประชาชนจีนเอง มักจำได้แต่นโยบายที่ว่า “กลุ่มคนและภูมิภาคส่วนหนึ่งร่ำรวยก่อน ” อันที่จริง “ความมั่งคั่งร่วมกัน” กลับเป็นหลักการพื้นฐานของลัทธิสังคมนิยมที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ท่านเติ้ง เสี่ยวผิงเคยชี้ให้เห็นหลายครั้งว่า “ ความได้เปรียบมากที่สุดของลัทธิสังคมนิยมนั้น คือ ความมั่งคั่งร่วมกัน นี่เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงแก่นแท้ของลัทธิสังคมนิยม”
ประชาชนจีนภายในยุคใหม่ ใช้ความพยายามเพื่อสร้างความโดดเด่นที่สุดอย่างหนึ่งของความทันสมัยแบบจีนคือ ความทันสมัยที่มีประชาชนทั้งมวลมั่งคั่งร่วมกัน และนี่ก็เป็นเป้าหมายของการปฏิรูปที่รอบด้านและลงลึกของจีนที่นำโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงนั่นเอง
เพื่อบรรลุซึ่งเป้าหมายดังกล่าวนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้จัดวางแผนใหญ่ เน้นมองภาพรวมและการประสานงาน เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลของการพัฒนาภูมิภาค นายสี จิ้นผิงเห็นว่า “ความไม่สมดุลเป็นปัญหาที่มีอยู่ทั่วไป ต้องพยายามบรรลุซึ่งความสมดุลสัมพัทธ์ท่ามกลางการพัฒนา นี่เป็นวิภาษวิธีของการประสานงานในการพัฒนาภูมิภาค” ตามวิธีการนี้ นายสี จิ้นผิงจัดการวางแผนและขับเคลื่อนการประสานพัฒนาของภูมิภาคกรุงปักกิ่ง-นครเทียนจิน-มณฑลเหอเป่ย การพัฒนาแถบแม่น้ำเยียงซี การพัฒนาสร้างสรรค์เขตอ่าวใหญ่ฮ่องกง-มาเก๊า-มณฑลกว่างตง การพัฒนาที่เป็นหนึ่งเดียวกันของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี การอนุรักษ์ระบบนิเวศและการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงของลุ่มแม่น้ำหวงเหอ และวางยุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาคสำคัญต่าง ๆ
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง วางยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับภูมิภาคที่สอดคล้องกัน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาของภาคตะวันตก การฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างรอบด้าน พร้อมกับการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงของภาคกลาง และการเร่งความทันสมัยในภาคตะวันออกอีกด้วย
การยึดมั่นใช้แนวคิดมองภาพรวมและแนวคิดที่เป็นระบบแบบแผนในการดำเนินงาน เป็นอีกหนึ่งของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ใช้ในการปฏิรูปอย่างรอบด้านและลงลึก เมื่อปีค.ศ. 2021 ที่ผ่านมา ช่วงจัดการประชุม “สองสภา” ของจีน นายสี จิ้นผิงได้เข้าร่วมการประชุมพิจารณาของคณะผู้แทนมองโกเลียใน ในขณะที่กล่าวถึงประเด็นการจัดการสิ่งแวดล้อมเชิงนิเวศ นายสี จิ้นผิงกล่าวว่า “การจัดการบริหารอย่างเป็นระบบของภูเขา แม่น้ำ ป่าไม้ ที่นา ทะเลสาบ ทุ่งหญ้าและทะเลทราย โดยในที่นี้ ต้องเพิ่มคำหนึ่งที่ว่า‘ทราย’ ” โดยนายสี จิ้นผิงเห็นว่า สำหรับการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมเชิงนิเวศเกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศชาติต้องดำเนินการด้วยแนวคิดที่เป็นระบบ เพื่อเป็นแนวทางการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมและการปฏิรูปก็เช่นกัน
“แผนการโดยรวมของปฏิรูประบบอารยธรรมนิเวศวิทยา” ถือเป็นเสาหลักของการสร้างสรรค์เชิงนิเวศวิทยาของจีน การจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและกระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมจีน ได้แบ่งอํานาจและความรับผิดชอบอย่างชัดเจน เช่น เจ้าหน้าที่กํากับดูแลการอนุรักษ์ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมจากส่วนกลาง เจ้าหน้าที่รับผิดชอบการกำกับดูแลสภาพแวดล้อมทางระบบนิเวศของแม่น้ำและทะเลสาบ ทั้งนี้ การปฏิรูประบบอารยธรรมนิเวศวิทยาได้เสริมสร้างการวางแผนอย่างเป็นแบบแผน เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างการปฏิรูปและการพัฒนาอย่างถูกต้อง ดังที่กล่าวมาล้วนเป็นการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ภายใต้การชี้นำด้านแนวคิดอารยธรรมนิเวศวิทยาของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
(Ying/Zi)