ชายจีนปั่นจักรยาน 4,400 กิโลเมตร เพื่อขอคืนดีกับภรรยา

2025-01-27 05:47:54

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายโจวจากเมืองเหลียนหยุนกั่ง มณฑลเจียงซู ได้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับภรรยา ด้วยการปั่นจักรยานระยะทาง 4,400 กิโลเมตรจากเมืองหนานจิงไปยังเมืองลาซา เพื่อขอคืนดีกับภรรยา 

นายโจว เกิดหลังปี 1980 เจอกับภรรยาที่นครเซี่ยงไฮ้ แล้วแต่งงานในปี 2007 เขาเล่าว่า ที่จริงผมกับภรรยารักกันไม่มีปัญหา แต่เราทั้งสองต่างเป็นคนหัวแข็ง เราแต่งงานในปี 2007 และหย่ากันในปี 2013 หลังจากนั้นก็ได้คืนดีกัน ทำให้มีลูกชาย 1 คนและลูกสาว 1 คน แต่ก็ยังทะเลาะกันบ่อยจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในบ้าน ก็เลยแยกกันอยู่อีกครั้งเป็นเวลา 2 ปีจนถึงปัจจุบัน 

ถึงแม้สามีภรรยายคู่นี้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ยังมีการติดต่อสื่อสาร และก็คิดถึงกันเสมอ เพียงแต่ไม่ยอมปริปากให้อีกฝ่ายทราบ นายโจวเล่าว่า  เรารอโอกาสอยู่ แล้วมีครั้งหนึ่งที่ภรรยาบอกกับผมว่าจะขับรถออกไปท่องเที่ยวเอง ผมเป็นห่วงก็เลยบอกว่าจะไปด้วยเพื่อช่วยดูแลเธอ แต่เธอบอกว่า เราแยกกันแล้ว ถ้ามาอยู่แบบนี้คงไม่ค่อยดี และปฏิเสธคำข้อร้องของผม 

นายโจว คิดอย่างไวแล้วบอกกับเธอว่า  ถ้างั้นผมปั่นจักรยานตามคุณไปได้ไหมเธอตอบว่า ถ้าคุณจะอยู่กับฉันจริงๆ ก็ต้องยอมรับเงื่อนไขของฉัน ให้ฉันคิดดูก่อน 

เวลาผ่านไปหลายวัน ภรรยาบอกเงื่อนไขกับนายโจวว่า ถ้าคุณมีความสามารถ ก็ปั่นจักรยานตามฉันไป และนัดสถานที่เจอกันที่เมืองลาซาของทิเบต 

นายโจวบอกว่า เมื่อได้รับคำนัดสุดท้าทายของภรรยา เขาไม่ลังเล รับปากทันที และวางแผนการเดินทางจากนครเซี่ยงไฮ้ และปั่นจักรยานจากทางหลวงหมายเลข 318 ไปทิเบต แต่พอดีเที่ยวรถไฟจากเมืองเหลียนหยุนกั่งไปนครเซี่ยงไฮ้ดีเลย์ จึงเปลี่ยนเป็นนั่งรถไฟไปเมืองหนานจิง เมื่อไปถึงหนานจิง ก็ไปซื้อจักรยานหนึ่งคันและจัดซื้ออุปกรณ์ที่ต้องการ เตรียมอาหารไปบางส่วน วันนั้นคือวันที่ 28 กรกฎาคม เป็นช่วงฤดูร้อน ปั่นจักรยานเวันละ 60-70 กิโลเมตร 

ระหว่างการเดินทาง เคยเจอกับความท้าทายที่อันตราย 2 ครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่เดินทางถึงเมืองฉูโจวมณฑลอันฮุย เป็นโรคลมแดด แล้วถูกส่งเข้ารักษาในโรงพยาบาลเมืองฉูโจว พัก 1 วันแล้วเดินทางต่อ พอไปถึงเมืองอี๋ชังมณฑลหูเป่ย น้ำดื่มหมด และหาซื้อไม่ได้ เวลานั้นอุณหภูมิกว่า 40 องศาเซลเซียส เขาเป็นโรคลมแดดและล้มกลางถนน โชคดีมีชาวนาคนหนึ่งพบเห็น และโทรเรียก 120 ช่วยส่งตัวเขาไปเข้ารักษาในโรงพยาบาลท้องถิ่น  

นายโจวเล่าว่า การเป็นโรคลมแดดที่เมืองอี๋ชังครั้งนี้ค่อนข้างหนัก เมื่อภรรยาทราบ ก็ขับรถระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรมาดูแลเขาเป็นเวลา 2 วัน เธอเล่าว่า เวลานั้นเห็นสามีต้องพ่วงสัมภาระกว่า 50 กิโลกรัม มีทั้งหม้อและถ้วยชาม และต้องทนความร้อนสูงระหว่างการเดินทาง รู้สึกสะเทือนใจมาก 

นายโจวเล่าว่า เวลานั้นภรรยาบอกกับผมว่า เธอได้เห็นความจริงใจของผมแล้ว ถ้าอยากจะอยู่ด้วยกันดีๆ ก็ไม่จำเป็นเอาชีวิตมาเสี่ยงแบบนี้เลย ผมสามารถกลับไปได้แล้ว 

แต่นายโจวปฏิเสธ โดยบอกกับภรรยาว่า ตัวเองจะยืนหยัดทำตามคำมั่นสัญญา และประสบการณ์ระหว่างการเดินทาง ก็ทำให้ตั้งใจที่จะคืนดีกับภรรยา 

หลังจากนั้น สามีภรรยาคู่นี้มีการนัดหมายใหม่ คือภรรยาขับรถหลายร้อยกิโลเมตรแล้ว ก็จะหยุดรอสามีจนให้มาถึงใกล้ๆ แล้วค่อยเดินทางต่อ เพื่อช่วยดูแลกัน 

นายโจวบอกเล่าว่า ระหว่างการเดินทาง เราเจอกัน 3 ครั้ง ครั้งที่ 2 คือที่เมืองกันจือมณฑลเสฉวน ภรรยามีอาการไม่สบายจากการเดินทางในที่ราบสูง จึงเข้ารักษาในโรงพยาบาล เวลานั้นหมอแนะนำว่า ไม่ควรไปทิเบตที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเลอย่างมาก 

นายโจวกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เวลานั้นยังอยู่ห่างจากภรรยาหลายร้อยกิโลเมตร เขาจึงรีบปั่นจักรยานไปดูแลเธอที่โรงพยาบาล  และขอให้เธอกลับบ้าน แต่เธอปฏิเสธ 

นายโจวเล่าว่า เมื่อไปถึงเมืองหลินจือ ภรรยาเกิดอาการป่วยหนักจากการอยู่ในที่ราบสูงอีกครั้ง เขาก็เร่งเดินทางพาเธอไปรักษาที่โรงพยาบาลเมืองหลินจือ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 ที่เราได้พบกันระหว่างการเดินทาง 

หลังจากเธอหายดีแล้ว นายโจวจอดจักรยานไว้ที่เมืองหลินจือ แล้วขับรถพาเธอไปเมืองลาซาในวันที่ 28 ตุลาคม สามีภรรยาคู่นี้ได้จัดพิธีสมรสที่เรียบง่าย และท่องเที่ยวในเมืองลาซาหลายวัน หลังจากนั้น ภรรยานั่งรถไฟกลับบ้าน ส่วนสามีขับรถไปหลินจือ และส่งรถยนต์กลับบ้านโดยผ่านบริการไปรษณีย์ จากนั้นจึงย้อนกลับมาปั่นจักรยานไปถึงเมืองลาซาในวันที่ 9 พฤศจิกายน เพื่อให้เป็นไปตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับภรรยา 

นายโจวเล่าว่า เราไม่ได้กลับบ้านด้วยกัน เพราะผมวางแผนจะเดินทางต่อไป สถานีต่อไปคือเนปาลหลังจากเนปาลแล้ว จะเดินทางต่อไปยุโรปแล้วค่อยกลับบ้าน เมียก็บอกกับผมว่า เมื่อร่างกายของเธอคืนสู่ปกติเรียบร้อยแล้ว อาจจะออกจากบ้านอีกเพื่อเดินทางไปด้วยกัน

โจวบอกว่า ตอนที่เพิ่งออกเดินทางจากเมืองหนานจิง น้ำหนักของผมกว่า 80 กิโลกรัม เดี๋ยวนี้เหลือแค่ประมาณ 65 กิโลกรัม แต่ก่อนผมผิวขาว ปัจจุบันดำขึ้นมาก ระหว่างการเดินทาง ได้เจอคนใจดีจำนวนมาก เมื่อเป็นโรคลมแดด มีคนช่วยส่งเข้ารักษาในโรงพยาบาล มีคนให้น้ำให้อาหารระหว่างทาง และสิ่งที่รู้สึกประทับใจมากที่สุดคือ ท่าทีของภรรยา เธอเอาใจใส่คนอื่นมากขึ้นเมื่อเทียบกับแต่ก่อน และเข้าใจผมมากขึ้น   

ภรรยาของนายโจวเล่าว่า แต่ก่อน สามีเป็นคนที่หุนหันพลันแล่น ไม่ค่อยควบคุมอารมณ์ของตน เราสองคนเคยแยกกันอยู่หลายครั้ง แต่หลังจากการเดินทางปั่นจักรยานครั้งนี้ ฉันรู้สึกว่าจิตใจเขาโตขึ้นมาก รู้จักคิดถึงคนอื่น เคารพคนอื่น และให้ความสนใจคนอื่น หลายเดือนก่อนยังเป็นชายอ้วนและผิวขาว แต่ปัจจุบันกลายเป็นคนผอมและดำ ทำให้ฉันรู้สึกทึ่ง 

เวลานั้นฉันเพียงแค่พูดเล่นๆ กับเขา ไม่คิดว่าเขาจะทำจริง และปฏิบิติตามคำมั่นสัญญา ฉันจึงตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตคู่กับเขา เชื่อมั่นว่าในอนาคต เราจะรักษาความรักของเราได้เป็นอย่างดี และรักกันมากยิ่งขึ้น