เมื่อวันที่ 2 เมษายน ตามเวลาท้องถิ่น รัฐบาลสหรัฐฯประกาศจะเก็บ "ภาษีแบบตอบโต้" กับคู่ค้าทั้งหมด จีนออกมาระบุในทันทีว่า จะใช้มาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของตน และวันถัดไปมีการออกมาตรการตอบโต้หลายประการ รวมถึงการเพิ่มภาษี 34% ต่อสินค้านําเข้าทั้งหมดที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา ยื่นฟ้องสหรัฐฯภายใต้กลไกแก้ไขข้อพิพาทของ WTO และจัดหน่วยงานสหรัฐฯหลายแห่งเข้าบัญชีรายชื่อควบคุมการส่งออก ทันทีที่ประกาศข่าวดังกล่าว ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ก็ดิ่งลง นักวิเคราะห์ตลาดกังวลว่า หากรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เปลี่ยนนโยบายภาษี การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด

สําหรับสงครามการค้าและสงครามภาษี  จีนกล่าวถึงหลายครั้งว่า ไม่อยากจะต่อสู้ แต่ก็ไม่กลัวที่จะสู้ และจะต่อสู้เมื่อจําเป็น การที่สหรัฐฯอ้างว่าเกิดความสูญเสียในการค้าระหว่างประเทศ และประกาศว่าจะเก็บ "ภาษีแบบตอบโต้" 34% กับจีนด้วยเหตุผลที่เรียกว่า "ความเสมอภาค" ละเมิดหลักการของประเทศรับสิทธิพิเศษมากที่สุดของ WTO  ทําลายสิทธิการพัฒนาที่ชอบด้วยกฎหมายของจีน ศาสตราจารย์หลี ไห่ตง จากมหาวิทยาลัยกิจการต่างประเทศของจีนกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า มาตรการตอบโต้ที่ดําเนินการโดยจีนมีลักษณะที่มุ่งเจาะจงอย่างชัดเจนและแม่นยํา สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ที่จะปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และสิทธิในการพัฒนาของตน  และปกป้องกฎการค้าระหว่างประเทศและระบบการค้าพหุภาคี ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการเตือนให้สหรัฐฯทราบว่า หากยืนกรานที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมกับประเทศอื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท้ายที่สุดก็จะถูกตอบโต้และกลายเป็นผู้โดดเดี่ยว และจะต้องทนทุกข์ทรมานจากภาษีศุลกากร

Yim/LR/Cui