CCTV รายงานว่า วันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ กรมทรัพยากรแรงงานและการประกันทางสังคมของกรุงปักกิ่งประกาศว่า นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป กรุงปักกิ่งจะปรับค่าแรงขั้นต่ำสุดจากเดิมเป็น 800 หยวน/เดือน เพิ่มขึ้นเป็น 960 หยวน/เดือน ขณะเดียวกัน มาตรฐานค่าแรงขั้นต่ำสำหรับคนทำงานพาร์ทไทม์ก็ได้รับการปรับค่าแรงให้สูงขึ้นเช่นกัน จากเดิม 9.6 หยวน/ชั่วโมง เพิ่มขึ้นเป็น 11 หยวน/ชั่วโมง ส่วนค่าแรงขั้นต่ำในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดจะเพิ่มจาก 22 หยวน/ชั่วโมงเป็น 25.7 หยวน/ชั่วโมง

แหล่งข่าวยังรายงานอีกว่า นับตั้งแต่กรุงปักกิ่งได้เริ่มใช้ระบบค่าแรงขั้นต่ำเมื่อปี 2540 เป็นต้นมา กรุงปักกิ่งได้มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำให้สูงขึ้นทุกปี อัตราการเพิ่มโดยเฉลี่ยต่อปีคิดเป็น 10.02% แต่ในปี 2552 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินของโลก จึงได้ระงับการปรับค่าแรงเป็นการชั่วคราว สาเหตุที่กรุงปักกิ่งปรับค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้ก็เพื่อให้สอดคล้องตามสภาพการพัฒนาทางสังคมและระดับราคาสินค้าที่แท้จริงในกรุงปักกิ่ง กรมทรัพยากรแรงงานและการประกันทางสังคมของกรุงปักกิ่งยังกล่าวเตือนเป็นพิเศษอีกว่า แม้ในช่วงทดลองทำงาน ค่าแรงของผู้ใช้แรงงานก็ไม่ควรต่ำกว่ามาตรฐานดังกล่าว และนายจ้างไม่ควรถือมาตรฐานค่าแรงงานต่ำนี้เป็นมาตรฐานค่าแรงของตนในการให้ค่าแรง แต่ควรให้ค่าแรงตามพลกำไรของกิจการและผลงานของผู้ใช้แรงงาน

ตามการสำรวจ ผู้ที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการปรับปรุงค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้มีถึงกว่า หนึ่งแสนคน

ผู้สื่อข่าวยังสังเกตเห็นว่า มาตรฐานค่าแรงขั้นต่ำของกรุงปักกิ่งครั้งนี้ไม่ได้รวมถึงค่าประกันทางสังคมและค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ อันได้แก่ค่าบำเหน็จบำนาญ ค่าประกันการว่างงาน ค่ารักษาพยาบาลเป็นต้น ซึ่งผู้ใช้แรงงานต้องแบกภาระด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้ ผู้ใช้แรงงานจะได้รับค่าแรงสิทธิแค่ 960 หยวน ถ้าบวกกับค่าประกันทางสังคมอื่นๆ มาตรฐานค่าแรงขั้นต่ำของกรุงปักกิ่งจะมีจำนวนเกินกว่า 1,100 หยวน

นอกจากนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป กรุงปักกิ่งยังจะปรับปรุงมาตรฐานเงินชดเชยประกันการว่างงานให้สูงขึ้น โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 70 หยวน

นับตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา นครเซี่ยงไฮ้ มณฑลเจียงซู เจ้อเจียง กวางตุ้ง ซานตงเป็นต้น กว่า 10 มณฑลในจีนได้ปรับมาตรฐานค่าแรงต่ำให้สูงขึ้นแล้ว ส่วนมณฑลอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ดำเนินการก็ให้การรับรองว่าจะปรับปรุงค่าแรงขั้นต่ำให้สูงขึ้นตามมา