วันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา นายเหวียน ชี วิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเวียดนามกับนายโรเบิร์ด เชียร์ เลขานุการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้จัดให้มีการเจรจาด้านนโยบายป้องกันประเทศระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกที่กรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม โดยทั้งสองฝ่ายได้อภิปรายถึงความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องในการบรรเทาผลกระทบจากสงครามเวียดนาม การแสวงหาทหารสหรัฐฯ ที่สูญหายไประหว่างสงครามเวียดนาม เป็นต้น นายเหวียน ชี วินกล่าวว่า การเจรจาครั้งนี้เป็นสัญญาณ์ว่า นับตั้งแต่มีการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐฯ ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมานั้น การเจรจาความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศในครั้งนี้ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นตอนใหม่ นายโรเบิร์ด เชียร์กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายได้อภิปรายเกี่ยวกับกลไกการเจรจาในอนาคต ตลอดจนปัญหาระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างปัจจัยต่อการกระชับความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศระหว่างสองประเทศต่อไป
เป็นที่น่าสังเกตุว่า ระหว่างนี้ สหรัฐฯ กับเวียดนามมีการติดต่อกันบ่อยครั้ง อีกทั้งมีแนวโน้มขยายความร่วมมือทางด้านการทหาร เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม เรือบรรทุกเครื่องบินจอร์จ วอชิงตันของสหรัฐฯได้เข้ามาทอดสมอในบริเวณน่านน้ำทะเลใต้ห่างจากเมืองดานังของเวียดนามประมาณ 320 กิโลเมตร โดยมีนายทหารระดับสูงและผู้นำทางการเมืองของเวียดนามหลายคนได้ขึ้นไปเยี่ยมชมเรือลำนี้โดยนั่งเครื่องบินและไปด้วยกับเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเวียดนาม นอกจากนี้ เรือพิฆาตจอห์น แม็คเคนของสหรัฐฯ ได้เดินทางถึงเมืองดานังเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ทหารเรือของสองประเทศได้จัดกิจกรรม"ปลอดสงคราม"ร่วมกัน อาทิ การแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรมและการซ้อมกู้ภัยทางทะเล เป็นต้น
เมื่อวานนี้ นายเหวียน ชี วินกล่าวว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้แสดงความต้องการว่าจะจัดส่งกองเรือรบมาเยือนเวียดนาม เนื่องในวาระที่สหรัฐฯ กับเวียดนามสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ15 ปี เวียดนามเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ โดยกล่าวว่า เหตุที่กิจกรรมร่วมกันดังกล่าวสำเร็จลงได้ก็เพราะว่า สหรัฐฯ ได้แสดงความจริงใจที่กระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสอันดีที่กองทัพเวียดนามจะได้ทำความเข้าใจและศึกษาเทคโนโลยีที่ทันสมัยของทหารเรือสหรัฐฯ ทั้งนี้ทางการเวียดนามกล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวไม่ได้แสดงว่า เวียดนามจะก้าวเข้าสู่การเป็นแนวร่วมพันธมิตรกับสหรัฐฯ
สหรัฐฯ มีความสนใจกับโครงการนิวเคลียร์ของเวียดนามเป็นอย่างมาก เดือนมีนาคมศกนี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเวียดนามได้เป็นตัวแทนรัฐบาลสหรัฐฯ ลงนามในบันทึกช่วยจำเกี่ยวกับความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์กับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเวียดนาม โดยจะเป็นหนทางให้ผู้ลงทุนจากสหรัฐฯ สามารถให้ความช่วยเหลือเวียดนามในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์
เมื่อเร็วๆ นี้ นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้กล่าวขณะเดินทางเยือนเวียดนามว่า สหรัฐฯ กับเวียดนามควร"จะยอมรับในอดีตที่ผ่านพ้นและร่วมกันสร้างสรรค์อนาคตที่ดียิ่งขึ้นไป" สหรัฐฯ เตรียมพร้อมจะผลักดันให้มีการประสานความร่วมมือติดต่อสัมพันธ์ฉันมิตรกับเวียดนาม แต่พร้อมกับนั้น นางฮิลลารีก็ได้เสนอความเห็นโต้แย้งกับระบบการเมืองและสภาพการณ์สิทธิมนุษยชนของเวียดนามด้วย นายฝั่ม ซา เคียม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามกล่าวขณะพบปะกับนางฮิลลารี คลินตันว่า เวียดนามให้ความสำคัญยิ่งกับการกระชับความสัมพันธ์กับสหรัฐฯในด้านต่างๆ
เหตุที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับเวียดนามใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นนั้น ก็เพราะว่าต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันทางยุทธศาสตร์ นับตั้งแต่รัฐบาลโอบามาเป็นต้นมา การกลับสู่เอเชียก็กลายเป็นเป้าหมายสำคัญทางการทูตของสหรัฐฯ พร้อมกับการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตรเก่า เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อีกทั้งปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการทูตกับอินเดีย รัฐบาลโอบามาก็สามารถเปิดเส้นทางผลประโยชน์ทางยุทธศาตร์ของตนในภูมิภาคเอเชียตะวันอกเฉียงใต้ โดยผ่านกลุ่มประเทศในอาเซียน
PL/QI/KT