การแต่งงานของชาวจีนในสังคมปัจจุบัน
  2011-08-11 18:05:57  cri

ล.สวัสดีค่ะท่านผู้ฟังที่รัก ดิฉัน หลิว หรง และคุณ พัลลภ สามสี มาพบกับท่านผู้ฟังในรายการ คุยกันวันละประเด็น (ประเด็นวันนี้) ทุกวันอังคารค่ะ

พ. สวัสดีครับ คุณหลิว หรง สวัสดีครับท่านผู้ฟัง รายการวันนี้ เราจะคุยเรื่องที่ชาวโลกไม่ว่าประเทศใดก็คงสนใจกันหมด และเกือบทุกคนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ตลอดชีวิต ก็คือการแต่งงาน

ล. ใช่ค่ะ แต่ประเด็นของเราในวันนี้ จะไม่เล่าถึงประเพณีที่มีมาช้านานของชาวจีนหรือไม่ว่าประเทศไหน เราจะเล่าเรื่องการแต่งงานของหนุ่มสาวชาวจีนในสังคมปัจจุบัน เพราะการแต่งงานกำลังจะเป็นปัญหาสังคมของจีนแล้ว และมีหลายประเภทด้วยค่ะ

พ. หรือครับ การแต่งงานไม่ใช่ก็แค่ผู้ชายกับผู้หญิงที่รักกันจัดพิธีสมรส ไหว้ฟ้าดิน ไหว้บิดามารดา และต่อแต่นั้นไปก็จับมืออยู่ด้วยกัน ดูแลกันตลอดชีวิต ไม่รู้ว่าที่เมืองจีนยังแบ่งเป็นหลายประเภทด้วย

ล. ค่ะ สมัยก่อน หนุ่มสาวชาวจีนส่วนใหญ่ไม่มีสิทธิ์เลือกคู่ชีวิตของตน ต้องยอมรับผู้ที่พ่อแม่ผู้ปกครองเลือกให้ รุ่นปู่ย่าตายายของดิฉันเกือบไม่มีใครมีโอกาสเห็นหน้ากันก่อนแต่งงาน ยิ่งไม่มีทางทำความรู้จักกันได้ ปัจจุบัน หนุ่มสาวอยู่ในยุคสมัยที่มีเสรีภาพอย่างเต็มที่ คบกันได้อย่างเสรี ถ้ารู้สึกไม่เข้ากัน ก็เลิกกันและหาแฟนคนใหม่ได้สบาย สงสัยคนรุ่นปู่จะอิจฉาหนุ่มสาวสมัยนี้มากค่ะ

พ. คนในสังคมปัจจุบัน ไม่ยอมทำตามคำสั่งของพ่อแม่อีกแล้ว ต้องแต่งงานกับผู้ที่รักที่ถูกใจที่สุด แต่เรื่องการแต่งงานเป็นปัญหาของหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อย เพราะพวกเขาต้องตัดสินใจเองและมักชอบจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง แต่บางที่เงื่อนไขยังไม่พร้อมหรือกำลังเศรษฐกิจไม่พอเพียง จึงทำให้การแต่งงานมีหลายรูปแบบ เช่น "โหล่วฮุน" ซึ่งผมทราบว่า คำว่าฮุนภาษาไทยก็แปลว่า การแต่งงาน แต่คำว่า "โหล่ว" หมายความว่าอะไรครับ

ล. คำว่า "โหล่ว" ถ้าแปลตรงๆ ก็คือไม่ใส่เสื้อผ้า แต่ที่นี้คงแปลว่าการแต่งงานไม่ใส่เสื้อไม่ได้หรอกค่ะ ตามความหมายก็แปลว่า จดทะเบียนสมรสอย่างเดียว คือเน้นให้ถูกต้องตามกฎหมายเพียงอย่างเดียว โดยคู่แต่งงานไม่ต้องซื้อรถ ซื้อบ้าน และไม่จัดพิธีแต่งงาน กระทั่งไม่ต้องสวมแหวนหมั้นแหวนแต่งงานด้วย แค่ไปรับใบสมรสจากหน่วยงานกิจการพลเรือนก็พอแล้ว วิธีแต่งงานแบบนี้เริ่มนิยมตั้งแต่เมื่อปี 2008 บางคนก็จัดพิธีแต่งงานเช่นกัน แต่จัดตามความสามารถของตน ไม่ขอเงินจากบิดามารดา และไม่ติดหนี้สินใคร มีเงินพอก็จัด ถ้าเงินไม่พอ ก็ไม่จัด เพราะพวกเขาเห็นว่า เรื่องการจัดพิธีแต่งงานไม่สำคัญมาก เท่ากับสองคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขก็พอแล้ว

พ. สรุปแล้วก็คือ การแต่งงานแบบ "โหล่วฮุน" ไม่ติดหนี้ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ต้องมีภาระทางเศรษฐกิจและทรัพย์สิน เนื้อแท้ของความสุขคือความรักนั่นเอง การแต่งงานประเภทนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดเกี่ยวกับการแต่งงานของสังคมยุคใหม่คือ การแต่งงานเป็นความต้องการของความรักและชีวิตความเป็นอยู่ของส่วนตัว ไม่ใช่ของทั้งครอบครัว และก็แสดงให้เห็นว่า ทฤษฏีที่มีต่อวัตถุสิ่งของมีค่าในสังคมปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงด้วย เพราะว่าเมื่อต้นศตวรรษที่ 21 ชาวจีนยังคิดว่า ต้องการมีบ้านมีรถก่อนค่อยแต่งงาน

ล. กลุ่มคนที่เกิดหลังทศวรรษ 1980 กำลังอยู่ในวัยคบหาดูใจกับแฟน แต่แรงกดดันจากสังคมทำให้พวกเขาส่วนมากซึ่งยังไม่มีบ้าน ไม่มีรถและไม่มีเงินฝากในธนาคาร ต้องเลือกการแต่งงานแบบโหล่วฮุน ในประเทศจีน กลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี 1981-1984 70% ไม่มีบ้านไม่มีรถ และกลุ่มคนนี้เชื่อว่า หลังแต่งงนแล้ว มีความสุขหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพิธีแต่งงาน และวันเวลาแต่งงาน ที่สำคัญที่สุดคือคู่รักถูกใจกันหรือไม่ ไม่จัดงานเลี้ยง ไม่ไปฮันนีมูน และไม่ถ่ายรูปแต่งงานก็ได้ ที่สำคัญที่สุดคือ ใจของสองคนอยู่ด้วยกัน

พ. เว็บไซต์ซินล่างหรือ www.sina.com ของจีนทำการสำรวจเกี่ยวกับ "โหล่วฮุน" ผลปรากฏว่า 57.7% เห็นด้วย โดยคิดว่าความรักอยู่อันดับแรก ส่วนบ้านและรถสามารถค่อยซื้อหลังแต่งงานก็ได้ 35.7%ไม่เห็นด้วย เห็นว่าอย่างไรก็ตามต้องมีพื้นฐานทางวัตถุก่อนแต่งงาน ส่วนที่เหลือไม่ได้แสดงความเห็น ไม่ทราบว่า ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีชุดแต่งงาน ไม่มีพิธีแต่งงานและไม่มีฮันนีมูน คุณจะยอมแต่งงานไหม

ล. ปัญหานี้ตอบยากเหมือนกันนะคะ ดิฉันคิดว่ายังไงก็ควรจัดพิธีแต่งงานหน่อยจะดีกว่า ต่อไปดิฉันขอแนะนำการแต่งงานประเภทที่ 2 คือ "ซู่ฮุน" ภาษาไทยแปลว่า การแต่งแบบเรียบง่ายที่สุด เพื่อประหยัดเงินและรักษาประเพณีไว้ ที่สำคัญที่สุดคือต้องจัดพิธีแต่ง สังคมปัจจุบัน คนจำนวนไม่น้อยชอบจัดพิธีแต่งงานที่ฟุ่มเฟือย เพื่อทำให้ทั้งสองครอบครัวและคู่แต่งงานมีหน้ามีตามากที่สุด แต่ขณะเดียวกัน ก็มีคนส่วนหนึ่งเลือกการแต่งงานแบบ "ซู่ฮุน" พวกเขาไม่ใช่ไม่สนใจพิธีแต่งงาน ตรงกันข้าม คืออยากมีงานสมรสของตนเองแท้ๆ และผู้ที่เลือกการแต่งแบบเรียบง่าย ไม่ใช่หมายถึงผู้ที่ไม่มีเงิน มีผู้ที่ได้รับการศึกษาระดับสูง และมีงานดี รายได้ดี ก็ชอบการแต่งงานแบบนี้

พ. ใช่ครับ ความรักไม่ต้องพิสูจน์โดยงานสมรสที่ยิ่งใหญ่ การแต่งงานแบบเรียบง่าย ทั้งประหยัดเงิน ไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่ต้องรบกวนญาติพี่น้องและเพื่อนสนิท หากยังสามารถสะท้อนถึงแนวคิดและวิถีการดำรงชีวิตของคนอื่นด้วย และ"ซู่ฮุน" ไม่ใช่สิ่งใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน เมื่อประมาณ 100 ปีก่อน นายหลู่ซุ่น นักเขียนที่ยิ่งใหญ่ของจีน กับภรรยา สวี่ กว่างผิง ก็จัดพิธีแต่งงานแบบ "ซู่ฮุน" มาแล้ว โดยมีเพียงโต๊ะน้ำชาและเก้าอี้เล็กๆ 4 ตัวเท่านั้น

ล. คนต่างชาติก็นิยมการแต่งแบบ"ซู่ฮุน"เช่นกัน โดยถือว่า "ซู่ฮุน" ไม่เพียงแต่หมายถึงการพิธีแต่งงานเรียบงานเท่านั้น หากยังเป็นท่าทีของการใช้ชีวิตด้วย นางนาโอมี เคลน(Naomi Klein)นักเขียนแคนาดาเคยเขียนหนังสือเล่มหนึ่งเรื่อง "Nologo" แปลว่า ปฏิเสธแบรนด์ ได้กระทบถึงผู้อ่านจำนวนมาก ทำให้ในสังคมตะวันตกมีกลุ่มคนเรียกว่า "กลุ่ม NONO" ซึ่งเป็นผู้ที่ยกย่องการใช้ชีวิตอย่างประหยัด

พ. แต่การประหยัดไม่ได้หมายความว่า การใช้ชีวิตแบบไม่มีคุณภาพ ก็เช่นเดียวกับการแต่งงานแบบ "ซู่ฮุน" ที่ใช้เงินน้อยที่สุด แต่ได้รับความสุขและความพออกพอใจมากที่สุด นอกจาก "ซู่ฮุน" แล้ว มีการแต่งงานอีกแบบหนึ่งเรียกว่า "หยิ่นฮุน" แปลว่า การแต่งเงียบๆ ไม่บอกให้ใครทราบ และไม่ใส่แหวน กลุ่มผู้แต่งแบบ "หยิ่นฮุน" จดทะเบียนตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว แต่บอกคนอื่นว่ายัง "โสด" อยู่ เพื่อผลในการทำงาน ผลการสำรวจประการหนึ่งปรากฎว่า มีผู้แต่งงานแล้วประมาณ 37% ยอมเป็นกลุ่มผู้ "หยิ่นฮุน" เพราะกังวลว่า หากเปิดเผยเรื่องแต่งงานของตนแล้วจะทำให้เสียความเชื่อถือจากเจ้านายหรือลูกค้า ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง อายุระหว่าง 25-35 ปี

ล. ดิฉันเข้าใจค่ะ เป็นผู้หญิงบางทีก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันมากกว่าผู้ชายเมื่อเจอปัญหาเรื่องแต่งงาน เพราะบางทีลูกค้าชอบติดต่อกับผู้หญิงที่โสดอยู่มากกว่าผู้หญิงที่แต่งงาน โดยเฉพาะที่มีลูกแล้ว ทำให้กำลังแข่งขันลดลง บางคนเลยไม่ยอมบอกคนอื่นว่าแต่งงานแล้ว และในบริษัทมักจัดกิจกรรมสำหรับคนโสด ส่วนผู้ที่แต่งงานแล้วก็หมายถึงหมดสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมหมู่ ต้องกลับบ้านทำความสะอาด ดูแลลูกหรือทำงานบ้านต่างๆ นานา ทำให้ผู้ที่แต่งงานและยังไม่มีลูกส่วนหนึ่งไม่ยอมเปิดเผยเรื่องแต่งงานของตน เพื่อได้มีโอกาสออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ และมีโอกาสติดต่อกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น

พ. นอกจากนั้น ยังมีบางคนเห็นว่า การแต่งงานเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยให้ทั่วโลกรับทราบ พวกเขามักพูดว่า "ผม(ดิฉัน)ไม่เคยปฏิเสธว่าแต่งงานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ตั้งใจอกให้คนอื่นทราบเท่านั้น" แม้พยายามรักษาความลับส่วนตัวไว้ แต่ต้องเผชิญกับปัญหาไม่น้อย อันดับแรกก็คือ การตั้งครรภ์ และซ่อนความลับ โดยเฉพาะในที่ทำงานและการคบเพื่อน ต้องปิดปากอย่างสนิทโดยตลอด และไม่เชิญเพื่อนไปเยี่ยมบ้านของตัวเองเพื่อจะไม่ให้คนอื่นรู้สภาพความเป็นจริง

ล. ฟังแล้วรู้สึกลำบากใจมากนะคะ ถ้าต้องแต่งแบบนี้ ไม่แต่งเลยคงดีกว่า นอกจากการแต่งทั้ง 3 อย่างที่เล่ามาแล้ว ยังมีอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า "ปี้ฮุน" ภาษาอังกฤว่า marry-upon-graduation แปลว่าเรียนจบแล้วก็รีบแต่งงานเลย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาหญิง แต่งงานก็เพื่อผ่อนคลายแรกกดดันจากสังคม เพราะว่าจีนมีปัญหาสังคมประการหนึ่งคือ ผู้หญิงที่ยิ่งรับการศึกษาระดับสูง ยิ่งหาแฟนยาก คนจบปริญญาโท ปริญญาเอก ส่วนใหญ่อายุมากกว่า 30 ปีกระทั่ง 40 ปีแล้ว ยังไม่มีแฟนเลย ทำให้นักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบกังวลว่าเรียนต่อจะแต่งงานช้า ก็เลยรีบแต่งดีกว่า

พ. ถ้าแต่งกับคนรวย จะถือว่าโชคดีไป ไม่ต้องออกไปหางานทำก็จะอยู่ได้สบาย แต่ถ้าเป็นคู่รักที่พบกันมาตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เพิ่งจบแล้วก็รีบแต่ง คิดว่าจะต้องเป็นกลุ่มคนที่ใช้เงินหมดทุกเดือนแน่ๆ เพราะยังไม่มีพื้นฐานอะไร เงินเดือนก็ไม่เยอะ บ้านก็ไม่มี ดังนั้น "เงิน" จึงกลายเป็นแหล่งกำเนิดของปัญหาทั้งหมด ซื้อรถซื้อบ้านเงินไม่พอ ก็ยื่นมือขอจากพ่อแม่ และการทำงานบ้านก็เป็นปัญหาลำบากเช่นกัน เพราะผู้ที่เลือกแต่งงานหลังเรียนจบกว่า 90% เป็นลูกคนเดียวของที่บ้าน ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยทำอะไรเลย ซักผ้า หุงข้าว ทำความสะอาด แม้ซื้อผักซื้อของใช้ประจำวันก็แทบไม่เป็น ขนาดดูแลตนเองยังไม่ค่อยได้ แต่งงานแล้วต้องดูแลคน 2 คน เลยรู้สึกว่าทำไม่ไหว

ล.ค่ะ นี่ก็เป็นปัญหาที่เกิดจากนโยบานของรัฐบาลที่บังคับให้แต่ละครอบครัวมีลูกคนเดียว ทำให้ลูกเหล่านี้ถือเป็น"ฮ่องเต้ตัวน้อย""ฮวงเฮาตัวน้อย" ในครอบครัว ทำอะไรก็ไม่เป็นยกเว้นเรียนหนังสือ เมื่อแต่งงานแล้ว "ฮ่องเต้"กับ"ฮวงเฮา"มักจะทะเลาะกันเกี่ยวกับการทำงานบ้าน และพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็ช่วยอะไรไม่ได้ จะสอนก็ไม่ทันแล้ว ถ้าสองคนยอมคุยกันดีๆ ฝึกการดำรงชีวิต และพยายามช่วยกันทำ ก็สามารถอยู่ด้วยกันดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคุยกันไม่ได้ เห็นแก่ตัว และโทษอีกฝ่ายหนึ่งตลอด ชีวิตแต่งงานก็คงยากที่จะดำรงต่อไปได้อีก ก่อนแต่งงาน ผู้ใหญ่มักสอนว่า ชีวิตแต่งงานเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง สอนคนต้องช่วยดูแลซึ่งกันและกัน ถึงจะอยู่ร่วมกันได้ตลอดรอดฝั่ง

พ. เท่าที่ทราบ บริษัทข้ามชาติส่วนใหญ่ชอบรับพนักงงานหญิงที่แต่งงานแล้ว เพราะมีชีวิตที่มั่นคง เรื่องการคบแฟน แต่งงาน และคลอดลูกจะไม่ส่งผลกระทบต่องาน แต่สาวๆ ที่ยังโสดอยู่ ทำให้ทางบริษัทต้องเตรียมสวัสดิการไว้หลายประการ เช่นการลางานเพื่อแต่งงาน และการลาคลอด รวมแล้วจะนานกว่า 100 วัน ช่วงระยะนี้ ทางบริษัทไม่เพียงแต่ต้องจ่ายเงินเดือน และยังต้องจัดพนักงานคนอื่นมาช่วยงานด้วย ถือเป็นภาระไม่เบา ด้วยเหตุเหล่านี้ ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากจำเป็นต้องรีบแต่งเมื่อจบการศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมการทำงาน

ล. ขัดแย้งกันไหมคะ บางคนไม่แต่งเพื่อได้ทำงานต่อ แต่บางคนต้องแต่งงานเพื่อได้มีงานทำ ฟังไปฟังมาแต่งงานได้เปรียบมากกว่าไม่แต่งใช่ไหมคะ สุดท้ายดิฉันขอแนะนำการแต่งงานอีกแบบหนึ่งคือ "ส่านฮุน" แปลตรงๆ คือ แต่งแบบฟ้าแลบ อธิบายง่ายๆ คือ รู้จักกันสั้นที่สุดวันเดียว นานที่สุดประมาณ 3 เดือนก็แต่ง สถิติล่าสุดปรากฎว่า ในกรุงปักกิ่ง อายุเฉลี่ยในการแต่งงานของผู้ชายคือ 28 ปี ผู้หญิงคือ 25 ปี ทำให้หนุ่มสาวที่มีอายุมากขึ้น แต่ต้องยุ่งกับการทำงานทั้งวัน ไม่อยากเสียเวลาในการคบแฟน และระเบียบการจดทะเบียนสมรสและหย่าง่ายมาก ทำให้การแต่งงานแบบฟ้าแลบสะดวกมาก

พ. แต่สองคนรู้จักไม่กี่วันก็แต่ง จะทำให้ชีวิตแต่งงานมีความไม่มั่นคง และอัตราการหย่าร้างคงสูงด้วย ต้องเตือนว่า ก่อนส่านฮุนต้องคิดดีๆ อัตราสำเร็จของการแต่งงานแบบรักแรกพบมีเพียง 10% ความรักเป็นพื้นฐานของชีวิตแต่งงาน และต้องการให้สองฝ่ายทำความรู้จักกันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่สังคมพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ความรักและการแต่งงานแบบฟาสต์ฟู้ตทำให้เกิดการแต่งงานมีลักษณะที่รู้จักกันเป็นเวลาสั้น มีความกระตือรือร้นสูง และหย่ากันเร็ว

ล. เมื่อก่อน การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญยิ่งของทั้งสองครอบครัว ควรมีฐานะทางสังคมคล้ายกัน ควรรับการศึกษาเท่าเทียมกัน ควรศึกษาประวัติส่วนตัวกันอย่างละเอียด แต่ในสายตาของหนุ่มสาวรุ่นหลังปี 1980 การแต่งงานหมายถึงการอยู่ด้วยกันของคู่รักนั้นเอง และไม่ต้องการมีความผูกพันตลอดชีวิต ชอบกัน รักกัน ก็แต่งแล้วอยู่ด้วยกัน เมื่อรู้สึกไม่เหมาะกันแล้ว ก็หย่ากัน การแต่งงานตามความเข้าใจที่มีมาช้านานคือ ความรับผิดชอบ แต่ปัจจุบัน การแต่งงานเพื่อความรักมากกว่าความรับผิดชอบ

พ. อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าใครแต่งงานก็ไม่ได้เพื่อหย่า ดังนั้น ไม่ว่าแต่งงานในแบบไหน ก็ขอให้รักษาชีวิตคู่ด้วยความจริงใจ มีความเชื่อถือกัน ดูแลกัน และช่วยเหลือกัน

ล.ขอให้คู่รักทั้งหมดในโลกนี้มีความสุขตลอดชีวิตนะคะ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
文化
v มณฑลเหอเป่ยเริ่มนิยมจัดพิธีหย่าร้าง 2011-08-03 14:07:24
v หนุ่มเดินเท้าเปล่า 1,800 กิโลเมตรเพื่อขอหมั้นสาว 2011-07-04 16:26:38
v สโมสรคนอกหัก 2011-03-21 13:01:57
v คู่รักในปักกิ่ง 4,000 คู่จดทะเบียนสมรสในวันวาเลนไทน์ 2011-02-15 12:59:52
v การขอแต่งงานที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ 2010-12-20 15:13:21
v เจ้าสาวฉงชิ่งได้รับพัสดุไปรษณีย์ด่วนในงานแต่งงาน เปิดออกมาพบว่าเป็นเจ้าบ่าว 2010-10-18 15:01:53
v ถ่ายภาพแต่งงานในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ณ ชานเมืองกรุงปักกิ่ง 2010-09-24 10:57:37
v บ่าวสาวผู้ช่วยเหลือการกู้ภัย 99 คู่แต่งงานจัดพิธีแต่งงานที่เขตประสบภัยแผ่นดินไหว 2010-09-23 18:49:59
v บ่าวสาว 99 คู่จัดพิธีแต่งงานแบบดั้งเดิมที่อำเภอฉางทิงมณฑลฝูเจี้ยน 2010-09-13 13:49:34
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040