นายหลี่ เฉิง ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษาจอห์น ธอร์นตันสถาบันบรูกกิงส์ของสหรัฐอเมริกาเห็นว่า การถ่ายโอนอำนาจสู่กลุ่มผู้นำชุดใหม่ครั้งนี้เป็นการต่อเนื่องจากสมัชชาครั้งที่ 18 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อปีที่แล้ว ถือเป็นการถ่ายโอนอำนาจทางการเมืองอย่างราบรื่น ซึ่งได้รับความสนใจมากที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์เห็นว่า ผู้แกนนำชุดใหม่เป็นกลุ่มอำนาจทางการเมืองที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะนำประชาชน 1,300 ล้านคนในประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดินบนหนทางที่มุ่งฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองแห่งประชาชาติจีน ส่วนบีบีซีของอังกฤษเห็นว่า"ผู้นำรุ่นใหม่จะชี้ทางการพัฒนาของจีนใน 10 ปีข้างหน้า"
ภายหลังการถ่ายโอนอำนาจครั้งนี้ ผู้นำรุ่นที่เกิดหลังทศวรรษ 1950 และ 1960 ขึ้นมายืนบนเวทีการเมืองของจีน พวกเขาเปี่ยมด้วยความสามารถและประสบการณ์ และจะเข้ากุมอำนาจนิติบัญญัติ การบริหารและตุลาการของประเทศ ซึ่งจะกลายเป็นผู้สร้างความฝันแห่งการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองของประชาชาติจีนให้เป็นจริง
ผู้นำรุ่นใหม่ขององค์กรอำนาจแห่งชาติและสภาปรึกษาการเมืองประชาชนมาจากพรรคและกลุ่มการเมืองต่างๆ และมีจำนวนไม่น้อยสำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษาจากทั้งจีนและต่างประเทศด้วย
การถ่ายโอนอำนาจครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีจังหวะก้าวอันหนักแน่นในกระบวนการพัฒนากลไกถ่ายโอนอำนาจระหว่างกลุ่มผู้นำพรรคและรัฐบาลรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ทำให้ระบบการถ่ายโอนอำนาจมีระเบียบและขั้นตอน อีกทั้งเป็นไปตามมาตรฐานมากขึ้น ทั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพ ความมั่นคง ตลอดจนการพัฒนาอย่างมีระเบียบของพรรคและประเทศ