หนังสือพิมพ์เหรินหมินรื่อเป้าลงพิมพ์บทความในหัวข้อ"สงครามที่ไม่มีใครชนะ"โดยระบุว่า สงครามครั้งนี้นำภัยพิบัติมาสู่ประเทศและประชาชนอิรัก ก่อนเผชิญกับสงครามครั้งนี้ อิรักเคยทำสงครามกับอิหร่านและคูเวตมาแล้ว และก็ได้เข้าร่วมสงครามอ่าวเปอร์เซียมาแล้วด้วย แต่ภัยพิบัติที่ทำให้ประเทศและประชาชนอิรักตกอยู่ในภาวะยากลำบากอย่างแท้จริงคือสงครามที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีประชาชนนับพันนับหมื่นเสียชีวิตจากเหตุระเบิด นอกจากนี้ สังคมอิรักมีการแตกแยก ทำให้การฟื้นฟูประเทศต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย
สงครามครั้งนี้ยังทำให้สถานการณ์ทางการเมืองของภูมิภาคตะวันออกกลางต้องสูญเสียความสมดุล ประวัติศาสตร์ยืนยันมาแล้วว่า
กลุ่มประเทศอาหรับ อิหร่าน ตุรกีและอิสราเอล ซึ่งเป็น 4 พลังอันแข็งแกร่งได้สร้างความสมดุลของสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความมั่นคงของภูมิภาคตะวันออกกลาง ในช่วง 10 ปีสุดท้ายของทศวรรษ 1990 รัฐบาลของนายบิล คลินตันซึ่งเป็นผู้เข้ามาจัดระเบียบในภูมิภาคตะวันออกกลาง ดำเนินนโยบายส่งเสริมสันติภาพระหว่างประเทศอาหรับกับอิสราเอล และระหว่างอิหร่านกับอิรัก อีกทั้งรักษาภาวะคุมเชิงกันระหว่างอิหร่านกับอิรักด้วย ทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางปรากฏสถานการณ์ความสงบและมั่นคงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน กระบวนการสันติภาพตะวันออกกลางจึงประสบผลคืบหน้าอย่างเด่นชัด แต่ความสมดุลทางการเมืองภายในภูมิภาคเพียงปรากฏขึ้นเป็นระยะสั้นๆ ไม่นานก็ถูกปฏิบัติการทางการทหารของสหรัฐฯ โดยเฉพาะสงครามอิรักทำลายจนหมดสิ้น สถานการณ์ทางการเมืองของภูมิภาคตะวันออกกลางจึงเริ่มสูญเสียความสมดุลอย่างหนัก จนส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทั่วไปในภูมิภาคตะวันออกกลาง