หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้ารายงานว่า หลายปีมานี้ วัยหนุ่มสาวหลายประเทศต้องเผชิญกับปัญหาการหางานทำยากเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกซบเซาลง และโครงสร้างอุตสาหกรรมที่ปรับเปลี่ยนไป รัฐบาลไทยจึงออกนโยบายที่เอื้ออำนวยหลายประการเพื่อสนับสนุนนักศึกษาที่เรียนจบให้เปิดธุรกิจเอง เช่น การให้เงินสนับสนุน
ในร้านเค้กบริเวณย่านศูนย์การค้าอโศกกรุงเทพฯ ของหนุ่มไทยอายุ 28 ปีกำลังจัดวางเค้กที่บูท ร้านเค้กที่มีเนื้อที่เพียง 39 ตารางเมตร แต่เพราะตั้งอยู่ในย่านศูนย์การค้า ธุรกิจจึงดำเนินไปค่อนข้างดี กำไรสุทธิต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 4 – 5 แสนบาท ขณะที่รายได้ขั้นต่ำของนักศึกษาที่เรียนจบใหม่ๆ ในเมืองไทยอยู่ที่ประมาณ 1.5 หมื่นบาท
หนุ่มที่เป็นเจ้าของร้านเค้กนี้จบปริญญาตรีมจากหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หลังเรียนจบ เขาเปิดร้านเค้กนี้ด้วยเงินที่ได้จากการทำงานนอกเวลาเรียน จนตอนนี้มีถึงสาขา 2 ในกรุงเทพฯ แล้ว
เจ้าของร้านกล่าวว่า นักศึกษาที่เรียนจบแล้วเลือกที่จะเปิดธุรกิจเองคิดเป็นประมาณ 20% ส่วนใหญ่เลือกที่จะทำงานในบริษัท และก็มีบางส่วนเลือกศึกษาต่อ
เขารู้สึกโชคดีที่เลือกเปิดธุรกิจเอง และกล่าวว่า การเปิดธุรกิจเอง ต้องวางแผนเพื่ออนาคตในระยะยาว และได้พัฒนายาวไกลมากขึ้น แม้จะมีบริษัทให้เงินเดือนเป็นแสนบาทก็คงไม่ไปทำงาน
ความจริงแล้ว อัตราการว่างงานในไทยต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศเอเชียอื่นๆ ตามสถิติธนาคารโลก อัตราการว่างงานของฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียเมื่อปี 2011 ที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 7% และ 6% จีนอยู่ที่ประมาณ 4% ขณะที่ประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 0.7% เท่านั้น นักวิเคราะห์เห็นว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เจริญของไทยทำให้โอกาสการมีงานทำมากขึ้นสำหรับนักศึกษาที่เรียนจบใหม่ๆ
(Ying/cici)