หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้ารายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1-3 เมษายนที่ผ่านมา การหารือนอกรอบ รัฐมนตรีว่าด้วยกิจการกลาโหมระหว่างสหรัฐฯ กับอาเซียนจัดขึ้นที่เมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวายในสหรัฐฯ นายชัค ฮาเกล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้พบปะกับรัฐมนตรีและผู้แทนด้านกิจการกลาโหมของ 10 ประเทศอาเซียนเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ โดยได้เจรจาเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนและการช่วยชีวิตในภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ความปลอดภัยของกิจการทางทะเล และความปลอดภัยประเด็นอื่นๆ ที่ปรากฏขึ้นใหม่ นักวิเคราะห์เห็นว่า สหรัฐฯ มีเป้าหมายส่งเสริมความสัมพันธ์กับอาเซียนให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยกล่าวว่า สหรัฐฯ ไม่เพียงแต่จะสร้างความสมดุลใหม่ในเอเชียแปซิฟิกเท่านั้น หากยังต้องประกันความสมดุลภายในเขตนี้ด้วย โดยเฉพาะต้องเพิ่มความสำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น เมื่อปี 2009 สหรัฐฯ ได้เข้าร่วม "สนธิสัญญาว่าด้วยความร่วมมือฉันมิตรของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" อย่างเป็นทางการ และจัดการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ - อาเซียนครั้งแรกเมื่อปี 2013 ด้วย
เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่่านมา นายฮาเกลกล่าวต่อสื่อมวลชนว่า สำหรับประเทศอาเซียน ความปลอดภัยและความมั่นคงเป็นพื้นฐานสำคัญเพื่อประกันการพัฒนาเศรษฐกิจ
นักวิจัยระดับสูงจากศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์และปัญหาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ประการแรกของการประชุมครั้งนี้คือ ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา เพิ่มความร่วมมือระหว่างสหรัฐกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐถือการประชุมครั้งนี้เป็นช่องทางสำคัญเพื่อเพิ่มการติดต่อในด้านต่างๆ กับประเทศอาเซียน ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา กองบัญชาการมหาสมุทรแปซิฟิกสหรัฐฯ เป็นผู้ดำเนินภาระหน้าที่ดังกล่าว การประชุมครั้งนี้สามารถส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองฝ่าย อีกทั้งยังเป็นการปฏิบัติตามคำสัญญาสำคัญของสหรัฐฯ ที่ถืออาเซียนเป็นศูนย์กลางของโครงสร้างด้านความปลอดภัยของเอเชียด้วย
ในระหว่างประชุม นายฮาเกลและรัฐมนตรีด้านการกลาโหมของประเทศต่างๆ ได้อภิปรายเกี่ยวกับการเพิ่มความร่วมมือพหุภาคีในเอเชียแปซิฟิก ความร่วมมือหุ้นส่วนด้านกลาโหมและภาคประชาชนที่มีประสิทธิผลมากขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการกู้ภัยและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ที่ประชุมยังได้เชิญผู้อำนวยการกรมบริหารกิจการมหาสมุทรและอากาศแห่งสหรัฐฯ และกรมการบุกเบิกระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ตลอดจนผู้แทนนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือร่วมกัน
Nune/Ldan