ซีอาร์ไอรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ คลังสำรองปิโตรเลียมและน้ำมันดิบที่เป็นอิสระแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ร่วมกันประกอบกิจการโดยบริษัทไดอะล๊อก(Dialog)ของมาเลเซียกับบริษัทโรยัล โวแพค(Royal Vopak)ของเนเธอร์แลนด์ เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว คลังสำรองดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาเป็นศูนย์เอนกประสงค์ด้านน้ำมันปิโตรเลียมและเคมีแห่งเพนเกอรัง(Pagarang) ที่มีมูลค่ากว่า 170,000 ล้านริงกิต
สองบริษัทได้ลงทุนประมาณ 10,000 ล้านริงกิตในการสร้างคลังสำรองแห่งนี้บนพื้นที่ 350 เอเคอร์ ที่รวมทั้งคลังสำรองน้ำมันปิโตรเลียม คลังแก๊สธรรมชาติและท่าเรือน้ำลึกด้วย ในอดีตบริษัทน้ำมันจำเป็นต้องสร้างคลังสำรองที่โรงงานกลั่นน้ำมัน แต่ปัจจุบัน ไม่ว่าบริษัทใดในโลกก็ตาม ล้วนสามารถสำรองปิโตรเลียมหรือน้ำมันดิบของตนไว้ที่คลังสำรองแห่งนี้ แล้วจำหน่ายต่อในทั่วโลก นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศในอาเซียนได้เปิดให้บริการแบบนี้ได้
มลรัฐสลังงอร์มีภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ของตน อยู่ติดกับสิงค์โปร์และช่องแคบมะละกา ประเทศที่มีอัตราการบริโภคน้ำมันปิโตรเลียมรายใหญ่ในเอเชียตะวันออก อาทิ จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ล้วนต้องใช้เรือขนส่งน้ำมันและเดินทางผ่านเขตช่องแคบมะละกา ดังนั้น คงอาจจะมีบริษัทน้ำมันต่างประเทศจำนวนมากจะเข้าประจำเขตนี้ ซึ่งย่อมจะนำมาซึ่งโอกาสสร้างงานมากมายเช่นกัน และจะส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจของมาเลเซียด้วย
ปัจจุบัน สิงค์โปร์เป็นประเทศกลั่นน้ำมันใหญ่อันดับที่ 3 ของโลก มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าระดับโลก แต่ไม่มีพื้นที่กว้างพอในการสร้างโรงงานกลั่นน้ำมัน แต่ปัจจุบัน มาเลเซียจะสนองพื้นที่ที่กว้างใหญ่ ถ้าหากสิงค์โปร์กับมาเลเซียจะดำเนินความร่วมมือกันได้ เขตนี้คงอาจจะกลายเป็นเขตที่สามารถกลั่นน้ำมันและสำรองน้ำมันใหญ่ที่สุดในโลกแซงหน้าเนเธอร์แลนด์ ปัจจุบัน นอกจากสิงค์โปร์เท่านั้น ยังมีประเทศอื่นๆจำนวนไม่น้อยได้ให้ความสนใจต่อเขตนี้แล้ว เช่น บริษัทกั๋วกวางน้ำมันปิโตรเลียมแห่งไต้หวันของจีนก็หมายจะลงทุนในเขตนี้ด้วย
Yim/LJ