นายหวัง ชินหมิ่น ประธานสหพันธ์อุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมแห่งชาติจีนกล่าวในพิธีเปิดประชุมสัมมนาว่า การที่จีนเสนอให้ดำเนินยุทธศาสตร์"หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง"นั้น สอดคล้องกับความต้องการในการพัฒนาของจีนและประเทศต่างๆ ตามเส้นทางสายไหม สอดคล้องกับประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย สอดคล้องกับกระแสแห่งสันติภาพ การพัฒนาและความร่วมมือของโลก ขณะนี้ โครงการ"หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง"คืบหน้าด้วยความราบรื่น และเข้าสู่ช่วงของความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม โดยทุกประเทศที่เกี่ยวข้องกำลังร่วมหารือ และร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
ด้านดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า จนถึงขณะนี้ มีโครงการความความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือเอเชียแล้วกว่า 20 โครงการ ครอบคลุมถึงความร่วมมือด้านต่างๆ เช่น การศึกษา การท่องเที่ยว และการเงิน ยุทธศาสตร์"หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง"ที่จีนเป็นผู้ริเริ่ม และการก่อตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเอเชียนั้นได้ เร่งฝีก้าวการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเอเชียให้เร็วยิ่งขึ้น ทำให้การเชื่อมโยงพื้นที่ต่างๆ ในเอเชียเข้าด้วยกันนั้นสามารถปรากฏเป็นจริงขึ้นได้ เขายังกล่าววว่า หากมีการประสานยุทธศาสตร์"หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" กับโครงการภายใต้กรอบความร่วมมือเอเชียอย่างใกล้ชิด จะสามารถผลักดันให้ประเทศในเอเชียพัฒนาไปด้วยกัน สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในเอเชีย ให้สูงขึ้น และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจเอเชียให้มากขึ้นได้
ด้านนายหลิว เจิ้งหมิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า ยุทธศาสตร์ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" เป็นสิ่งที่จีนเองต้องการ ในขณะเดียวกัน ก็ได้สร้างโอกาสการพัฒนาร่วมกันให้แก่ประเทศต่างๆ ตามเส้นทางนี้ด้วย ซึ่งย่อมจะมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งในเอเชีย เขายังกล่าวว่า ช่วงหนึ่งปีกว่ามานี้ ด้วยการใช้ความพยายามของทุกประเทศ การดำเนินยุทธศาสตร์"หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง"ได้ประสบผลสำเร็จใน เบื้องต้น ในวันข้างหน้า จีนจะเสนอโครงการความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือเอเชียให้ มีความหลากหลายมากขึ้น และลงลึกความร่วมมือด้านการเงิน เศรษฐกิจการค้า อุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมในเอเชีย ทั้งนี้เพื่อการพัฒนาในระยะยาวของประเทศต่างๆ ในเอเชีย
(TOON/cai)