นายอาร์ริฟกล่าวว่า รัฐบาลอินโดนีเซียให้ความสำคัญอย่างสูงกับบทบาทของการท่องเที่ยวในการส่งเสริมเศรษฐกิจ ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา การท่องเที่ยว สิ่งอำนวยความสะดวก ทะเล อาหารและพลังงานกลายเป็นเสาหลักการพัฒนาเป็นอันดับหนึ่ง 5 ด้านของอินโดนีเซีย นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ได้กำหนดมาตรฐานการทำงานของกระทรวงการท่องเที่ยว ซึ่งต้องดึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวน 20 ล้านคนในปี 2019 คิดเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับมาตรฐานเดิมที่มีจำนวน 9 ล้านคน
จีนเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวอันดับ 3 ของอินโดนีเซีย รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย เมื่อปี 2014 นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปเที่ยวอินโดนีเซียมีจำนวนเกือบ 1 ล้านคน 10 เดือนแรกปีนี้ ได้เติบโตขึ้น 21% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกับปีที่แล้ว ถือว่ามีความเร็วการเติบโตสูงที่สุดเมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวประเทศอื่นๆ และคาดว่า ปีนี้จะมียอดจำนวนนักท่องเที่ยวจีน 1.3 ล้านคน นายอาร์ริฟกล่าวว่า ปรารถนาที่จะดึงนักท่องเที่ยวจีน 2 ล้านคนในปี 2016
นายอาร์ริฟยอมรับว่า เมื่อเทียบกับสิงคโปร์ มาเลเซียและไทย การประชาสัมพันธ์อินโดนีเซียในตลาดการท่องเที่ยวจีนยังไม่พอเพียง ปัจจุบัน อินโดนีเซียกำลังนำเสนอต่อประชาชนจีนโดยผ่านสื่อมวลชน และหุ้นส่วนความร่วมมือทางอินเตอร์เน็ตของจีน เช่น ไป่ตู้ อินโดนีเซียต้องส่งเสริมการนำเสนอให้ดี ปัจจุบัน กระทรวงการท่องเที่ยวอินโดนีเซียกำลังผลักดันให้สายการบินสองประเทศเปิดเที่ยวบินตรงมากขึ้น
ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีนี้ อินโดนีเซียก็เริ่มใช้นโยบายปลอดวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวหลายสิบประเทศ รวมถึงประเทศจีน ชาวจีนสามารถเข้าไปเที่ยวอินโดนีเซียติดต่อกันเป็นเวลา 30 วันโดยปลอดวีซ่า นายอาร์ริฟกล่าวว่า อินโดนีเซียยังวางแผนจะร่วมมือกับกรมการท่องเที่ยวแห่งชาติจีน อบรมมัคคุเทศก์ภาษาจีน 600 คน เพื่อให้การบริการนักท่องเที่ยวจีนในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของอินโดนีเซีย โดยเฉพาะเกาะบาหลี
In/Chu