คืนวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา เอกวาดอร์เกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.8 ริกเตอร์ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 238 คน และบาดเจ็บกว่า 1,500 คน ปัจจุบัน เอกวาดอร์ขอความช่วยเหลือจากประชาคมโลก และพยายามทุ่มกำลังทั่วประเทศเพื่อดำเนินการกู้ภัยอย่างสุดความสามารถ
บ่ายวันที่ 17 เมษายนนี้ นายจอร์จ กลาส รองประธานาธิบดีเอกวาดอร์ประกาศรายงานความคืบหน้าล่าสุดว่า เหตุแผ่นดินไหวในจังหวัดมานาบีครั้งนี้เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 238 คน และบาดเจ็บ 1,557 คน และตัวเลขเหล่านี้อาจจะเพิ่มขึ้นอีก ภัยพิบัติครั้งนี้นับเป็นภัยแผ่นดินไหวร้ายแรงที่สุดของเอกวาดอร์ตั้งแต่ปี 1979 เป็นต้นมา และอาจเกิดอาฟเตอร์ช๊อคตามมาอีกอย่างน้อย 189 ครั้ง
วันเดียวกัน หน่วยงานกำกับดูแลความเสี่ยงของเอกวาดอร์ประกาศแถลงการณ์ว่า ในแผ่นดินไหวครั้งนี้ มีบ้านเรือนพังทลาย 370 หลัง และมีบ้านเรือนอีก 150 หลังและโรงเรียน 26 แห่งถูกกระทบ จังหวัดมานาบี เอสเมราล์ดาส์ ลอซริโอซ และอีก 3 จังหวัดได้ประกาศเข้าสู่ภาวะฉุกเฉินหลังภัยพิบัติ ปัจจุบัน เขตประสบภัยได้ตั้งจุดหลบภัย 8 แห่งและโรงพยาบาลเคลื่อนที่ 2 แห่ง พร้อมจัดกำลังทีมรักษาพยาบาล 92 คน นอกจากนี้ รัฐบาลยังส่งทหาร 10,000 นายและตำรวจอีก 3,500 นายไปช่วยเหลืองานกู้ภัยและรักษาความสงบของเขตประสบภัย จนถึงเที่ยงวันที่ 17 เมษายนนี้ จังหวัดมานาบีได้ฟื้นฟูการจ่ายไฟฟ้าได้เพียง 4.3% เท่านั้น ส่วนการจ่ายไฟฟ้าในเขตอื่นๆทยอยฟื้นฟูเป็นปกติ
เวลา 18.30 น.วันที่ 17 เมษายนนี้ตามเวลาท้องถิ่น นายราฟาเอล กอร์เรีย ประธานาธิบดีเอกวาดอร์เดินทางถึงเมืองแมนตา จังหวัดมานาบี เขากล่าวว่า ปัจจุบัน ความปลอดภัยสาธารณะในเขตประสบภัยได้รับการควบคุม กำลังทั่วประเทศได้ร่วมกันใช้ปฏิบัติการเพื่อรับมือกับภัยพิบัติครั้งนี้ เขาเรียกร้องประชาคมโลกให้ความช่วยเหลือแก่เอกวาดอร์ นายจอร์จ กลาซ รองประธานาธิบดีเอกวาดอร์กำลังประสานงานกู้ภัยในเมืองแมนตาอยู่ เขากล่าวว่า เอกวาดอร์มีความสามารถรับมือกับช่วงลำบากขณะนี้ได้ พวกเราไม่อาจจะทิ้งชีวิตพลเมืองคนใดแม้แต่ผู้เดียว เขายังกล่าวว่า รัฐบาลเอกวาดอร์ได้จัดสรรงบฉุกเฉิน 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้ในการช่วยชีวิตและสร้างสรรค์ใหม่หลังเกิดภัยพิบัติ
Yim/Sun