การโต้วาทีเริ่มจากประเด็นเสนอชื่อตุลาการของศาลสูง ปัญหาการทำแท้ง และการควบคุมอาวุธปืน ซึ่งเป็นปัญหาที่มีความคิดเห็นต่างกันมาก ทั้งสองฝ่ายโต้แย้งกันอย่างดุเดือด ต่างแสดงจุดยืนแนวคิดของพรรคการเมืองของตน มีบรรยากาศเอาจริงเอาจัง แต่เนื่องจากเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ทั้งสองคนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ แก้ต่างด้วยเสียงอันดังหลายครั้งด้วยกัน
ระหว่างการโต้วาทีครั้งนี้ นายคริส วอลเลซ พิธีกรอาวุโสของสถานีโทรทัศน์ฟอกซ์สหรัฐฯ เป็นพิธีกร เขาถามคำถามที่ล่อแหลมต่อทั้งสองฝ่าย เช่น อีเมล์ของคลินตัน เนื้อหาคำปราศรัยของคลินตันที่ประกาศโดยวิกิลีคส์ และสตรีหลายคนฟ้องว่านายทรัมป์พัวพันกับการคุกคามทางเพศ เป็นต้น แต่ทั้งสองคนล้วนไม่มีคำตอบต่อปัญหาเหล่านี้ มีแต่เน้นถึงผลงานของตนในอดีต และประณามการกระทำผิดของอีกฝ่ายหนึ่ง
ระหว่างการโต้วาทีครั้งนี้ นายทรัมป์ประณามว่าการเลือกตั้งทั่วไปของสหรัฐฯ มีแผนร้ายและคอรัปชั่น ปฏิเสธที่จะยอมรับผลการเลือกตั้ง โดยกล่าวว่าถึงเวลานั้นค่อยว่ากันใหม่ ส่วนนางคลินตันก็ระบุว่าท่าทีของนายทรัมป์น่ากลัว ขัดต่อประเพณีปฏิบัติทางการเมือง โดยลดมาตรฐานประชาธิปไตยของสหรัฐฯ จนกลายเป็นประเด็นสนใจของสื่อมวลชนต่างๆ การนี้เป็นประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่ไม่เคยมีมาก่อนที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีนั้นแถลงว่าไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งก่อนการลงคะแนนเสียง
ปัจจุบัน ประชามติแสดงว่านางคลินตันนำหน้านายทรัมป์ แต่ทั้งสองคนต่างเผชิญกับข่าวฉาวโฉ่และปัญหาที่แก้ยาก ปัจจุบันห่างจากวันที่ 8 พฤศจิกายนวันเลือกตั้งไม่ถึง 20 วันแล้ว จะมีข่าวฉาวโฉ่เผยออกมาอีกหรือไม่ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะตัดสินใจอย่างไร จะมีคำตอบในเร็วๆ นี้แล้ว
In/Ping