ชีวิตวัยรุ่นในชนบทต่างจากชีวิตในกรุงปักกิ่งมาก แต่ก็ยังถือว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าชาวบ้านในท้องถิ่น ที่หมู่บ้านเหลียงเจียเหอ ชาวบ้านแต่ละคนมีอาหารสำหรับการบริโภค 10 กิโลกรัมต่อเดือน ซึ่งไม่ถึงครึ่งหนึ่งของโควตาอาหารของบัณฑิตวัยรุ่นเหล่านี้
ปธน.สี จิ้นผิงเคยรับประทานข้าวสวยมื้อหนึ่ง และก็เป็นมื้อเดียวที่ได้รับประทานข้าวสวยในชีวิตตลอด 7 ปีที่เหลียงเจียเหอ เพราะทางภาคตะวันตกของมณฑลส่านเป่ยในสมัยนั้น ข้าวสวยเป็นอาหารที่หากินได้ยาก แม้แต่ในเทศกาลต่าง ๆ ก็ไม่ค่อยได้ทาน และข้าวสวยชามนั้นก็มาจาก หลี่ อิ้นถาง
สี จิ้นผิงสัมผัสถึงความอบอุ่นจากชาวบ้านเหลียงเจียเหอ โดยบอกว่า "เมื่อผมหิว ชาวบ้านทำอาหารให้ผม เมื่อเสื้อผ้าสกปรก ชาวบ้านช่วยซักให้ เมื่อกางเกงขาด ชาวบ้านช่วยเย็บให้......"
สมัยนั้นในชนบทไม่มีเครื่องจักรขนาดใหญ่ การสร้างเขื่อนต้องอาศัยแรงคน ปูดินเป็นชั้น ๆ แล้วใช้ไม้กระทุ้งทับดินให้แน่น ซึ่งต้องใช้แรงมาก
สมัยนั้นยังไม่มีอุปกรณ์เครื่องทุ่นแรง ไม่มีถุงมือ สี จิ้นผิงก็ใช้มือจับไม้กระทุ้ง ทุบลงไปอย่างหนัก ทำงานทั้งวัน จนมือพองขึ้นเป็นตุ่มหนอง
ขณะเดียวกันกับการร่วมงานการเกษตรต่าง ๆ สี จิ้นผิงก็พยายามพัฒนาความคิดจากทฤษฎีมาผสมผสาน
ในความทรงจำของชาวเหลียงเจียเหอ สี จิ้นผิงมักจะอ่านหนังสือหนาเท่าก้อนอิฐ อ่านหนังสือไปทานข้าวไป แม้จะเลี้ยงแกะตามภูเขา เขาก็ถือโอกาสอ่านหนังสือด้วย
สี จิ้นผิงเคยอ่านวรรณกรรมรัสเซียหลายเรื่อง ท่านทบทวนในภายหลังว่า "คนรุ่นผมได้รับอิทธิพลมากจากวรรณกรรมรัสเซีย ผมอ่านวรรณกรรมเรื่องทำอย่างไร ของ นิโคไล เชอร์นิเชฟสกี (Nikolay Chernyshevsky) ที่บ้านถ้ำเหลียงเจียเหอ เพื่อฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง พระเอกในหนังสือเรื่องนี้นอนบนเตียงตะปู เลือดไหลทั้งตัว สมัยนั้น พวกเราเข้าใจว่าการฝึกความเข้มแข็งต้องฝึกแบบนี้ ก็เลยเอาฟูกออก นอนบนไม้กระดาน เมื่อฝนตก หิมะตก เราก็ออกจากบ้านฝ่าฝน ฝ่าหิมะ อาบน้ำเย็นข้าง ๆ บ่อน้ำ ทั้งนี้ล้วนเป็นเพราะว่าได้รับอิทธิพลจากหนังสือเล่มดังกล่าว"
เมื่อผ่านช่วงสองสามปี ที่หมู่บ้านเหลียงเจียเหอ สี จิ้ผิงพูดสำเนียงภาษาเหยีนชวนได้คล่องแคล่ว ที่เหลียงเจียเหอมีชาวบ้านคนหนึ่ง ไม่เอาการเอางาน เกียจคร้าน มักจะขโมยของเล็ก ๆ น้อย ๆ มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาขโมยต้นหอมของส่วนรวม จึงถูกจับ ตามประเพณีท้องถิ่น จะจัดประชุมชาวบ้าน และให้ชาวบ้านหมุนเวียนกันด่าว่า สี จิ้นผิงไม่ได้ด่า แต่บอกเหตุผลเป็นข้อ ๆ และให้เขาแก้ไขนิสัยและข้อผิดพลาด เมื่อได้ยินแล้ว เขาก็พยักหน้ารับ
การกระทำที่สอดคล้องกับหลักเหตุผลโดยทั่วไป ทำให้ชาวเหลีงเจียเหอ ยอมรับนับถือในตัวของนายสี จิ้นผิงในขณะนั้น และชื่นชมว่า "วัยรุ่นปักกิ่งเก่งนะ" หลังจากนั้น เหลียง ยี่ว์หมิง คุยเรื่องนี้กับสี จิ้นผิง สี จิ้นผิงกล่าวว่า "เขากระทำผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น เป็นความผิดที่แก้ไขได้ เราควรอยู่กันด้วยความสามัคคี และใช้วิธีการสั่งสอนบอกกล่าวตักเตือนเป็นหลัก"
เมื่อเวลาผ่านไป ที่พักของสี จิ้นผิงกลายเป็นศูนย์กลางของหมู่บ้านเหลียงเจียเหอ ชาวบ้านชอบมาเที่ยวที่บ้านของสี จิ้นผิง คุยกันสนุกสนาน ฟังสี จิ้นผิงเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ และเรื่องแปลกใหม่ภายนอกเหลียงเจียเหอ สี จิ้นผิงจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของเหลีงเจียเหอ
(Bo/cici)