คุณลุงเจียง หนันโปเป็นชาวเมืองปักกิ่ง ปีนี้อายุ 91 ปี แต่ ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ สายตายังสดใส หูยังฟังได้ชัดเจนมาก หลังจากปลดเกษียณแล้ว ช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา แต่ละวันเขาจะเดินประมาณ 5 กิโลเมตร ทั้งยังท่องจำกวีโบราณจีนและเล่นหมากลูกจีน เพื่อฝึกสมอง เขากล่าวว่า ออกกำลังกายเป็นประจำมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ สมัยนั้น หน่วยงานศึกษาธิการไม่สนใจเรื่องการกีฬา โรงเรียนส่วนใหญ่ไม่มีสนามกีฬา เขาและเด็กคนอื่นจึงต้องเล่นฟุตบอลกันในท้องถนน เมื่อขึ้นโรงเรียนมัธยม จึงเริ่มสนใจกีฬาบาสเก็ตบอล พวกเขาก็ไปหาเส้นเหล็กมาทำเป็นห่วงบาสเก็ตบอล เป็นเรื่องที่สนุกสำหรับคนรุ่นเก่านั้น นอกจากนี้ ยังพยายามฝึกฝนจิตใจของตนเองให้เข้มแข็งขึ้น คุณลุงเจียง หนันโปกล่าวว่า
"เวลานั้นร่างกายของเราดีมาก แม้จะเป็นช่วงฤดูหนาว เราก็ยังอาบน้ำเย็นกันทุกคน บางทียังใส่ก้อนน้ำแข็งผสมกับน้ำเย็นด้วย สนุกจริงๆ "
นางเจียงอี เป็นลูกสาวของคุณลุงเจียงหนันโป ปีนี้อายุ 60 ปี พอๆ กับอายุของสาธารณรัฐประชาชนจีน เธอกล่าวถึงความรู้็สึกว่า เมื่อเทียบกับรุ่นพ่อ ชีวิตมีความสุขสบายมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่สมัยเด็กๆ มาแล้ว ครูอาจารย์ก็สั่งสอนพวกเขาว่าต้องมีผลการเรียนที่ดี มีนิสัยใจคอที่ดี และมีร่างกายที่แข็งแรง สมัยนั้น คำโฆษณาแห่งชาติคือ "ฝึกร่างกายให้แข็งแรง เพื่อ พิทักษณ์ประเทศชาติ" เมื่อตอนที่เธอเข้าเรียนชั้นมัธยม ทางโรงเรียนให้ความสำคัญอย่างมากต่อการฝึกกีฬา ได้สร้างสนามบาสเก็ตบอลและสนามกรีฑาที่ระดับมาตรฐาน บางที อาจารย์ยังพาพวกเขาไปปีนเขาเซียงซานที่อยู่ชานเมืองของกรุงปักกิ่ง เธอรู้สึกว่า ตั้งแต่นั้นมา จีนก็เริ่มมีบรรยากาศที่ดีในการส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปออกกำลังกายแล้ว
นางเจียงอียังกล่าวว่า คนรุ่นเดียวกันกับเธอส่วนใหญ่มีความทรงจำลึกซึ้งและมีความรู้สึกพิเศษต่อ "การทูตปิงปอง" ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นเมื่อทศวรรษปี 1970 คือมีจัดการแข่งขันปิงปองนัดกระชับมิตรระหว่างนักกีฬาจีนกับสหรัฐฯ เป็นเหตุการณ์ที่เปิดประตูการไปมาหาสู่กันระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการอีกครั้ง และทำให้เยาวชนจีนเิกิดความนิยมการเล่นปิงปองมากขึ้นเรื่อย ๆ นางเจียงอีกล่าวว่า
"เวลานั้นเราชอบเล่นปิงปองกันมาก จนถึงขณะนี้เรายังติดใจอยู่ เมื่อมีเวลาว่างก็จะไปเล่นสักชั่วโมง หน่วยงานที่มีสถานที่กว้างพอ ส่วนใหญ่มีจัดโต๊ะเล่นปิงปองให้กับพนักงาน"
นางเจียงอีปลดเกษียรณมาได้ 5 ปีแล้ว แต่เธอไม่หยุดการออกกำลังกาย ตอนเช้ามักจะไปออกกำลังกายในเขตชุมชนที่เธออาศัยอยู่ เธอกล่าวว่า
"เขตชุมชนที่ได้มาตรฐานส่วนใหญ่มีการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการออกกำลังกาย เหมาะสมสำหรับคนชราและชาวบ้านทั่วไป เราชอบมานั่งชุมนุม คุยกันไปด้วยและออกกำลังกายไปด้วย รู้สึกมีความสุขมาก "
นายอวี๋เฟิงเป็นหลานชายของคุณลุงเจียงหนันโป ขณะนี้เป็นบรรณาการของนิตยสารกีฬาฉบับหนึ่ง ปกติเขามักจะไปออกกำลังกายที่ศูนย์กีฬา บางทีก็ไปเล่นบาสเก็ตบอลที่สนามกีฬา เมื่อถึงฤดูหนาว บางทีก็นัดเพื่อนไปเล่นสกีที่ชานเมืองของกรุงปักกิ่ง เมื่อเทียบกับรุ่นปู่และรุ่นพ่อ คนรุ่นนี้มีโอกาสออกกำลังกายมากขึ้น และมีโอกาสได้ใช้อาคารกีฬาที่ทันสมัย เขากล่าวว่า ในประเทศจีน การกีฬานอกจากเป็นวิธีพักผ่อนในเวลาว่างแล้ว ยังเป็นวิชาที่จำเป็นและสำคัญของนักเรียนด้วย เขากล่าวว่า
"ตอนที่ผมเข้าเรียนชั้นประถมและมัธยม วิชากีฬาก็มีความสำคัญมาก อย่างเช่นการสมัครสอบเข้าโรงเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัย ผลคะแนนกีฬาได้จัดรวมเข้าในผลคะแนนรวมสุดท้ายด้วย ขณะนี้ ชาวจีนได้เห็นถึงความสำคัญของการออกกำลังกายและการมีร่างกายที่แข็งแรงจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากโอลิมปิกเกมส์ปักกิ่งแล้ว ประชาชนจีนเข้า่ร่วมการออกกำลังกายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด "
(Pan/Lin)