1.เมื่อไม่นานมานี้ ภาพยนตร์เรื่อง Lost in Thailand สร้างสถิติเป็นภาพยนตร์จีนเรื่องแรกที่ทำรายได้ทะลุ 1,300 ล้านหยวน ได้ยินว่าท่านทูตเคยชมเรื่องนี้เหมือนกัน ท่านมีความประทับใจ ต่อภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างไร และฉากในภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงถึงสภาพที่เป็นจริงของเมืองไทยมากน้อยแค่ไหน

• ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เลือกไปถ่ายทำในประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ซึ่งกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงของไทย และเชียงใหม่ ก็เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีทัศนียภาพสวยงาม และมีศิลปวัฒนธรรม และประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ และเมื่อไม่นานมานี้ (เดือนมีนาคม 2555) ผมได้มีโอกาสนำคณะผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ นำโดยคุณสูว์ เจิง ผู้กำกับและนักแสดงนำ เยือนประเทศไทย และเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วยตนเอง ซึ่งในโอกาสดังกล่าว นายกรัฐมนตรีไทยก็ได้แสดงความชื่นชมภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ได้ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายกรัฐมนตรี และสนับสนุนให้ผู้สร้างภาพยนตร์ชาวจีนมาถ่ายทำในประเทศไทยมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้มีความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนไทยและจีนเกี่ยวกับธุรกิจด้านการบันเทิง เพื่อเปิดตลาดของไทยและจีนระหว่างกันให้กว้างขวางขึ้นด้วย

• ทั้งนี้ ผมเชื่อว่า นอกจากผู้ชมชาวจีนจะได้สนุกสนานไปกับมุขตลกของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเป็นการผ่อนคลายจากชีวิตประจำวันของคนจีนในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ก็จะประทับใจกับทิวทัศน์และชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยด้วย ที่จริงแล้ว ประเทศไทยยังมีสิ่งดี ๆ อีกมากที่ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะยังไม่มีโอกาสได้ถ่ายทำหรือสะท้อนออกมาได้หมดบนแผ่นฟิล์ม ประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เงียบสงบและสวยงามอีกมากมาย นอกเหนือจากกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ โดยเฉพาะจังหวัดชายทะเลของไทย ซึ่งมีหาดทรายที่ขาวสวย และน้ำทะเลที่ใสสะอาด เป็นที่น่าประทับใจของนักท่องเที่ยวทุกคนที่ได้แวะไป นอกจากนี้ คนไทยยังมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย พอเพียง และเป็นมิตรกับคนรอบข้าง รวมทั้งมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์ร่วมโลก ซึ่งเป็นไปตามหลักคติธรรมของพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาประจำชาติของไทย และภาพยนตร์เรื่องนี้ เนื้อเรื่องก็มีการพูดถึงเรื่องการปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง "จิตใจ" มีความสำคัญกว่า "วัตถุ" อย่างมาก โดยจิตที่สงบจึงจะเป็นความสุขใจที่แท้จริง

2.ท่านคิดว่า สามารถใช้คำจำกัดความใดพรรณนาเมืองไทยให้ชาวจีนได้รู้จักเมืองไทยมากขึ้นบ้าง เพราะเหตุใด และขอให้ท่านช่วยแนะนำอาหารไทยที่พลาดไม่ได้ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ที่ต้องไปสำหรับนักท่องเที่ยวจีน

• ผมพูดอยู่เสมอว่า สิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุดของประเทศไทย คือ 风土人情 หรือความเป็นคนไทยที่น่ารัก มีน้ำใจและพร้อมให้การต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือนชาวต่างชาติ ซึ่งสิ่งนี้ ไม่สามารถจะพรรณนาเป็นคำพูดได้ แต่ต้องไปสัมผัสเอง ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกคนที่ไปเมืองไทยน่าจะได้รับรู้และเข้าใจถึงสิ่งนี้ได้ดี จึงไม่แปลกใจที่มีชาวต่างชาติจำนวนมากเดินทางเยือนไทยซ้ำแล้วซ้ำอีก และกลายเป็น "แฟนพันธุ์แท้" ของประเทศไทยจริง ๆ

• สำหรับอาหารไทยแล้ว มักจะมีผู้มาถามผมเสมอว่า ร้านอาหารไทยร้านใดที่กรุงปักกิ่งอร่อยที่สุด คำตอบที่ผมให้ คือ ผมตอบไม่ได้ว่า ร้านไหนอร่อยที่สุด เพราะแต่ละร้านมีจุดเด่นแตกต่างกัน แต่ถ้ามีความเป็นไทย และดั้งเดิมที่สุด (authentic) แล้วละก็ ไม่มีที่ไหนสู้ครัว ของทำเนียบเอกอัครราชทูตฯ ได้ ซึ่งผมพยายามจัดงานและเชิญชวนให้ผู้ชื่นชอบอาหารไทยมาลิ้มลองอย่างสม่ำเสมอ สำหรับอาหารไทยที่พลาดไม่ได้สำหรับชาวจีน คงหนีไม่พ้น ต้มยำกุ้ง ส้มตำ และผัดไทย แต่จริง ๆ แล้ว ไทยเรายังมีอาหารที่น่าทานและถูกปากคนจีนอีก หลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะที่เป็นแกงกะทิ อาทิ แกงพะแนง และแกงเขียวหวาน และไม่แต่เฉพาะอาหารเท่านั้น ไทยยังมีข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพ และผลไม้ไทยอีกหลากชนิด อาทิ ทุเรียน มังคุด ลำไย และกล้วยไข่ ซึ่งมีรสชาติหอมหวานและไม่เหมือนผลไม้ของชาติใดในโลก

• สำหรับแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวทุกคนควรต้องไปเยี่ยมชมวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจของกรุงเทพฯ นอกจากนี้ สำหรับชาวจีนแล้ว การไปสักการะศาลพระพรหมเอราวัณที่ราชประสงค์ก็นับเป็นสิ่งที่ควรอยู่ในกำหนดการ ซึ่งหลังจากนั้น ก็สามารถเดินท่องเที่ยวแหล่งช๊อปปิ้งสยามสแควร์ และพื้นที่ใกล้เคียง ที่มีชื่อเสียงของกรุงเทพฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถจะจับจ่ายซื้อสินค้าที่ราคาเหมาะสมและคุณภาพได้มาตรฐานได้อีกด้วย นอกจากนี้ สิ่งดึงดูดอีกประการของกรุงเทพฯ ที่นักท่องเที่ยวชาวจีนไม่ควรพลาด ก็คือ การล่องเรือชมแม่น้ำเจ้าพระยา และทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำตลอดทั้งสองฝั่ง ซึ่งแม่น้ำเจ้าพระยา ถือเป็นสายเลือดสำคัญและเป็นประวัติศาสตร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของกรุงเทพฯ และไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวัน หรือช่วงกลางคืน ต่างก็มีความสวยงามและเสน่ห์ที่แตกต่างไม่แพ้กัน

3.ปักกิ่ง และกรุงเทพฯ ต่างเป็นเมืองสากลที่มีประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมอันยาวนาน มีทรัพยากรการท่องเที่ยวอุดมสมบูรณ์ โดยส่วนตัวแล้ว ท่านมีความประทับใจอย่างไรต่อกรุงปักกิ่งบ้าง และเช่นเดียวกัน ขอให้ท่านช่วยแนะนำอาหารจีนที่พลาดไม่ได้ และแหล่งท่องเที่ยวปักกิ่งที่ต้องไป

• โดยส่วนตัวแล้ว ผมมีความประทับใจกรุงปักกิ่งเป็นอย่างยิ่ง ผมถือว่า ผมและกรุงปักกิ่ง มีบุพเพ หรือ 缘分 ต่อกัน เพราะในฐานะนักการทูตแล้ว ชะตาชีวิตของผมผูกพันกับกรุงปักกิ่งอย่างใกล้ชิด การประจำการของผมในต่างประเทศครั้งแรก เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ผมก็ได้มาประจำการที่กรุงปักกิ่ง และท้ายที่สุด ผมก็ได้มาใช้ชีวิตนักการทูตในช่วงโค้งสุดท้ายที่กรุงปักกิ่ง โดยมาทำหน้าที่เป็นเอกอัครราชทูตของประเทศไทยประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ กรุงปักกิ่ง ในช่วงที่ความสัมพันธ์ไทย – จีน ถือว่ามีพลวัตรสูงสุดช่วงนี้

• กรุงปักกิ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ยังคงเสน่ห์และมนต์ขลังของเมืองหลวงที่มีทั้งประวัติศาสตร์และความสำคัญต่อโลกอย่างยาวนาน และมีทั้งความทันสมัยของมหานครชั้นนำของโลก สำหรับสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจำเป็นจะต้องแวะเวียนมาเยี่ยมชม ก็คือ พระราชวังต้องห้าม หรือกู้กง ซึ่งถือเป็นหัวใจของกรุงปักกิ่ง ในลักษณะเดียวกันกับวัดพระแก้วของกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ยังมีสถานที่สำคัญอื่น ๆ ที่นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องใส่ไว้ในกำหนดการ ได้แก่ หอบูชาฟ้า หรือเทียนถาน พระราชวังฤดูร้อน หรือ อีเหอหยวน และหลังจากที่กรุงปักกิ่งได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี ค.ศ. 2008 สถานที่อีกแห่งที่กลายเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ก็คือ สนามกีฬาโอลิมปิกของกรุงปักกิ่ง หรือที่รู้จักกันในนาม สนามกีฬารังนก นั่นเอง และสุดท้าย ที่ขาดไม่ได้อีกแห่งสำหรับกรุงปักกิ่ง ก็คือ กำแพงเมืองจีน ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเยือนกรุงปักกิ่งแล้ว จำเป็นจะต้องดั้นด้นไปปีนกำแพงดังกล่าว อันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีน และเป็นสักขีพยานแห่งมิตรภาพระหว่างจีนกับต่างประเทศ เนื่องจากผู้นำต่างชาติที่มาเยือนกรุงปักกิ่งต้องแวะชมกำแพงเมืองจีนแทบทุกคน

• ในส่วนของอาหารจีนที่พลาดไม่ได้ สำหรับกรุงปักกิ่งแล้ว คงไม่มีอะไรจะเทียบเป็ดปักกิ่งได้ ซึ่งผมเห็นว่า ในปัจจุบัน มีร้านอาหารหลากหลายที่นำเสนอเป็ดปักกิ่งให้ผู้คนได้รับประทาน เริ่มจากรสต้นตำรับที่ภัตตาคารฉวนจู๋เต๋อ ไปจนถึงการเกิดร้านเป็ดปักกิ่งใหม่ ๆ ที่แต่ละแห่งก็มีเอกลักษณ์และรสชาติแตกต่างกันไป แล้วแต่ลิ้นรสของผู้ชิมที่อาจจะชื่นชอบแตกต่างกัน ซึ่งแสดงถึงวัฒนธรรมการรับประทานเป็ดปักกิ่งที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและประวัติความเป็นมาของเมืองนี้

4.วันที่ 26 พฤษภาคม เมื่อ 20 ปีก่อน ปักกิ่งกับกรุงเทพฯ ได้สถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องอย่างเป็นทางการขึ้น การแลกเปลี่ยนความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างสองเมืองพัฒนาอย่างรวดเร็ว ท่านประเมินความร่วมมือระหว่างสองเมืองอย่างไรบ้าง และท่านเห็นว่าทั้งสองเมืองมีความได้เปรียบอย่างไร รวมทั้งควรกระชับความร่วมมือในด้านไหนต่อไปบ้าง

• ความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องระหว่างกรุงเทพฯ และกรุงปักกิ่ง ได้พัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมา กรุงเทพฯ และกรุงปักกิ่งได้มีกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ร่วมกันมากมาย อาทิ การแลกเปลี่ยนการเยือนของระดับผู้บริหารเมือง การแลกเปลี่ยนบุคลากรและความรู้ด้านการกีฬา ด้านวัฒนธรรม ด้านการศึกษา และด้านการจัดค่ายเยาวชน โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนการเยือนของคณะจากทั้งสองเมืองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมถือว่า การไปมาหาสู่ระหว่างกันเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำความสัมพันธ์ของสองฝ่ายมีความแน่นแฟ้นและสนิทสนม

• ในฐานะที่กรุงเทพฯ และกรุงปักกิ่ง ต่างก็เป็นเมืองหลวงของไทยและจีน ความร่วมมือระหว่างสองเมือง นอกจากจะเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองเมืองแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์โดยรวมระหว่างสองประเทศอีกด้วย

• เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา จีนได้เปิดศูนย์วัฒนธรรมจีนในไทยอย่างเป็นทางการที่กรุงเทพฯ และในไม่ช้า ไทยก็จะเปิดศูนย์วัฒนธรรมไทยในจีนที่กรุงปักกิ่ง ผมจึงเห็นว่า กรุงเทพฯ และกรุงปักกิ่ง ควรจะกระชับความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมให้มากขึ้น โดยใช้โอกาสที่ทั้งสองเมืองมีศูนย์วัฒนธรรมของทั้งสองประเทศตั้งอยู่เป็นพื้นฐานสนับสนุน และเป็นศูนย์กระจายความร่วมมือความเข้าใจระหว่างกันด้านวัฒนธรรมอย่างทั่วถึง

5. การจัด "ถ่ายทอดสดออน์ไลน์การสนทนางานสานสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องปักกิ่ง-กรุงเทพฯ" เป็นกิจกรรมที่เชิญผู้แทนจากเมืองพี่เมืองน้องของสองประเทศร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดกัน พร้อมกับดำเนินการถ่ายทอดสดออน์ไลน์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมมิตรภาพระหว่างสองเมือง เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องปักกิ่ง-กรุงเทพฯ ท่านทูตมีความปรารถนาคาดหวังต่อกิจกรรมครั้งนี้อย่างไรบ้าง

• ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะมีการจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องปักกิ่ง-กรุงเทพฯ โดยเฉพาะการถ่ายทอดสดออนไลน์ ซึ่งผมเห็นว่า เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในโลกปัจจุบันของจีน ซึ่งสังคมออนไลน์เป็นสังคมที่กว้างใหญ่และมีอิทธิพลเป็นอย่างยิ่ง การถ่ายทอดสดจะเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจสามารถติดตามชมกิจกรรมดังกล่าวได้จากทางบ้าน และเป็นการประชาสัมพันธ์งานดังกล่าวให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผมหวังว่า จะได้เห็นการสนทนาและแลกเปลี่ยนความเห็นที่สร้างสรรค์ โดยเฉพาะข้อเสนอแนะที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสานสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องระหว่างสองเมือง อันจะเป็นการส่งเสริมให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนในระดับประเทศมีความแนบแน่นมากยิ่งขึ้นต่อไปด้วย