คำปราศรัยของปธน.สี จิ้นผิงในการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติครั้งที่ 75

คำปราศรัยของปธน.สี จิ้นผิงในการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติครั้งที่ 75_fororder_图片20200924

วันที่ 22 กันยายน 2020 ณ กรุงปักกิ่ง

ท่านประธานที่เคารพ

ผู้ร่วมงานทุกท่าน

ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 75 ปี ประชาคมโลกเอาชนะสงครามต่อต้านฟาสซิสต์ และวาระครบรอบ 75 ปี การก่อตั้งสหประชาชาติ เมื่อวานนี้  การประชุมสุดยอดรำลึกครบรอบ 75 ปี การก่อตั้งสหประชาชาติจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งมีความหมายสำคัญยิ่ง เพราะได้ทบทวนประสบการณ์และบทเรียนเชิงประวัติศาสตร์จากสงครามของประชาคมโลกต่อต้านฟาสซิสต์ อีกทั้งยังย้ำถึงคำมั่นสัญญาอันแน่วแน่ต่อกฎบัตรและหลักการของสหประชาชาติ

ท่านประธานที่เคารพ

มนุษย์กำลังต่อสู้กับโควิด-19 ไวรัสที่กำลังระบาดใหญ่ทั่วโลก และกลับมาระบาดครั้งแล้วครั้งเล่า เราได้เห็นกับตาถึงความพยายามของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ การอุทิศตนของบุคลากรการแพทย์ การค้นคว้าของผู้ทำงานด้านวิทยาศาสตร์ และความอุตสาหะของมวลชนทั่วไป ประชาชนประเทศต่าง ๆ ดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สะท้อนให้เห็นถึงความกล้าหาญ ความมุ่งมั่นตั้งใจ และความเอาใจใส่ของมนุษย์ในยามเผชิญภัยพิบัติร้ายแรง ทั้งนี้ เปรียบเสมือนแสงสว่างในยามมืดมน เชื้อไวรัสจะถูกมนุษย์กำจัดได้ในที่สุดและชัยชนะต้องเป็นของประชาชนทั่วโลกอย่างแน่นอน

เมื่อเผชิญการระบาดของโควิด-19 เราต้องถือประชาชนและชีวิตเป็นสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ต้องระดมทรัพยากรทุกอย่าง ป้องกันไวรัส และรักษาผู้ป่วยตามหลักวิทยาศาสตร์ ต้องใช้มาตรการที่ถูกต้องแม่นยำ ไม่พลาดผู้ติดเชื้อ และไม่ทอดทิ้งผู้ป่วยแม้แต่คนเดียว เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสอย่างเด็ดขาด

เมื่อเผชิญกับไวรัสระบาด เราต้องเสริมความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ และพึ่งพาอาศัยกัน ต้องยึดหลักวิทยาศาสตร์และให้องค์การอนามัยโลกแสดงบทบาทแกนนำอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งขับเคลื่อนให้ประชาคมโลกร่วมกันป้องกันและควบคุมเชื้อไวรัส เพื่อเอาชนะสงครามต่อต้านการระบาดของไวรัสทั่วโลก นอกจากนี้ ยังต้องคัดค้านการทำให้โควิด-19 เป็นประเด็นการเมืองและเป็นการให้ร้ายประเทศอื่น

เมื่อเผชิญกับการระบาดของไวรัส เราต้องกำหนดมาตรการป้องกัน ควบคุมทุกด้านและในระยะยาว ต้องเปิดดำเนินธุรกิจและโรงเรียนอีกครั้งอย่างเป็นระเบียบ เพื่อสร้างงาน ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระเบียบสังคม และความมีชีวิตชีวา เขตเศรษฐกิจหลักของโลกต้องเสริมการประสานนโยบายมหภาค ไม่เพียงแต่จะเริ่มต้นเศรษฐกิจของตนอีกครั้ง หากยังต้องสร้างคุณูปการต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย

เมื่อเผชิญกับการระบาดของไวรัส เราต้องเอาใจใส่และช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศแอฟริกา ประชาคมโลกต้องใช้มาตรการอย่างทันท่วงทีและเข้มแข็งในด้านต่าง ๆ เช่น การผ่อนชำระหนี้ และการช่วยเหลือระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ยังต้องประกันการปฏิบัติตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 แห่งสหประชาชาติ และช่วยให้ประเทศเหล่านี้ขจัดความยากลำบาก

เมื่อ 75 ปีก่อน จีนสร้างคุณูปการเชิงประวัติศาสตร์แก่ประชาคมโลกในสงครามต่อต้านฟาสซิสต์และสนับสนุนการก่อตั้งสหประชาชาติ วันนี้ ด้วยเจตนารมณ์แห่งความรับผิดชอบเช่นเดียวกัน จีนเข้าร่วมความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อต้านการระบาดของโควิด-19 อย่างแข็งขัน สร้างคุณูปการแก่การรักษาความปลอดภัยด้านสาธารณสุขโลก  จีนจะแบ่งปันประสบการณ์ในการควบคุมการระบาดของไวรัส เทคนิคในการวินิจฉัย และการรักษาผู้ป่วยแก่ประเทศอื่น ให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือแก่ประเทศที่ต้องการ ประกันให้ห่วงโซ่อุปทานด้านเวชภัณฑ์ของโลกที่ใช้ในการควบคุมการระบาดของไวรัสมีความมั่นคง อีกทั้งเข้าร่วมการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของโลกในการย้อนรอยต้นตอและเส้นทางการระบาดของเชื้อไวรัส ขณะนี้ มีวัคซีนหลายตัวที่จีนวิจัยและพัฒนาได้เข้าสู่ขั้นตอนการทดลองทางคลินิกระยะ 3 แล้ว หลังเสร็จสิ้นการวิจัยและพัฒนาจนสามารถนำมาใช้กับคนทั่วไปได้ วัคซีนเหล่านี้จะเป็นผลิตภัณฑ์สาธารณะของโลกและจะจัดส่งให้กับประเทศกำลังพัฒนาได้ใช้ก่อน จีนจะปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาของตนที่จะให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศมูลค่า 2,000 ล้านสหรัฐฯ ภายในระยะเวลา 2 ปี อีกทั้งจะลงลึกความร่วมมือระหว่างประเทศด้านต่าง ๆ เช่น การเกษตร การบรรเทาความยากจน การศึกษา สตรีและเด็ก การเปลี่ยนแปลงสภาพดินฟ้าอากาศ รวมทั้งจะช่วยเหลือประเทศอื่นในการฟื้นฟูการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม

ประธานที่เคารพ

ประวัติการพัฒนาของสังคมมนุษย์เป็นประวัติศาสตร์ที่มนุษย์เอาชนะความท้าทายและความยากลำบากต่าง ๆ ขณะนี้ ทั่วโลกกำลังเร่งต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ขณะเดียวกัน โลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบร้อยปี อย่างไรก็ตาม สันติภาพและการพัฒนายังคงเป็นกระแสหลักแห่งยุคสมัย  ประชาชนประเทศต่าง ๆ มีความปรารถนามากยิ่งขึ้นที่จะเห็นสันติภาพ  การพัฒนา และความร่วมมือที่ได้ชัยชนะร่วมกัน การระบาดของโควิด-19 จะไม่ใช่วิกฤตครั้งสุดท้ายของมวลมนุษย์ เราจะต้องร่วมมือกันและเตรียมพร้อมรับมือความท้าทายระดับโลกที่มีมากขึ้น

ประการแรก การระบาดของไวรัสครั้งนี้เตือนเราว่า เราใช้ชีวิตในประชาคมโลกที่เชื่อมโยงและพึ่งพาอาศัยกัน ประเทศต่าง ๆ มีความผูกพันกันอย่างใกล้ชิด มนุษย์มีอนาคตร่วมกัน ไม่มีประเทศใดจะสามารถแสวงหาประโยชน์จากความยากลำบากของประเทศอื่น หรือ ได้รับความมั่นคงจากความปั่นป่วนของประเทศอื่น หากใช้นโยบายผลักพิบัติภัยหรือความลำบากให้ผู้อื่นแบกรับ ยืนมองดูผู้อื่นประสบหายนะ ความยากลำบากที่ประเทศอื่นเคยประสบก็จะกลายเป็นความท้าทายที่ตนเองต้องเผชิญ เราต้องมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับประชาคมโลกที่มีอนาคตร่วมกัน จากวิสัยทัศน์นี้ ทุกประเทศจะมีความผูกพันกันอย่างใกล้ชิดมาก

เราต้องคัดค้านการแบ่งกลุ่มประเทศที่มีผลประโยชน์ทางการเมืองร่วมกันเพื่อกีดกันประเทศอื่น คัดค้านแนวคิดที่ต้องมีฝ่ายแพ้-ชนะ เราต้องถือทุกประเทศเป็นสมาชิกของครอบครัวใหญ่ ผลักดันความร่วมมือที่มีชัยชนะร่วมกัน ไม่สร้างความขัดแย้งด้านอุดมการณ์ทางการเมือง ไม่ตกอยู่ในกับดัก “ความขัดแย้งทางอารยธรรม” เราต้องเคารพทุกประเทศในการเลือกหนทางและรูปแบบการพัฒนาของตนเองอย่างเสรี อารยธรรมของมนุษย์มีความหลากหลาย นี่เป็นธรรมชาติของโลก เราต้องให้ความหลากหลายของโลกกลายเป็นพลังขับเคลื่อนความก้าวหน้าของสังคมมนุษย์อย่างไม่มีวันสิ้นสุด

ประการที่สอง โรคระบาดครั้งนี้ให้ข้อคิดแก่เราว่า กระแสโลกาภิวัฒน์ทางเศรษฐกิจเป็นความจริงเชิงภววิสัยและแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ เมื่อเผชิญสถานการณ์ใหญ่แห่งกระแสโลกาภิวัฒน์ทางเศรษฐกิจ การเสแสร้งแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเหมือนนกกระจอกเทศที่มุดหัวอยู่ในกองทราย หรือ ต่อต้านเสมือนดอนกิโฆเต้ที่ถือหอกนั้น ต่างก็ฝ่าฝืนกฎแห่งประวัติศาสตร์ โลกมิอาจถอยหลังกลับไปสู่สภาวการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างตัดขาดออกจากภายนอกและดำรงอยู่อย่างโดดเดี่ยว มิหนำซ้ำยังมิอาจถูกตัดขาดออกจากกันได้โดยน้ำมือมนุษย์ เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความท้าทายที่มาพร้อมกับกระแสโลกาภิวัฒน์ทางเศรษฐกิจได้ จำต้องยอมรับว่ามีปัญหาสำคัญ ๆ ดำรงอยู่  เช่น ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวย  และช่องว่างด้านการพัฒนา เป็นต้น เราต้องจัดการความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐกับตลาด ความเป็นธรรมกับประสิทธิภาพ การเติบโตกับการแบ่งปัน และเทคโนโลยีกับการมีงานทำให้ดี ทำให้การพัฒนามีทั้งความสมดุลและความทุ่มเทอย่างเต็มที่ ทำให้ผลสำเร็จแห่งการพัฒนาเข้าถึงคนในระดับที่ต่างกัน ชนชั้นที่ต่างกัน และประเทศที่ต่างกันอย่างเสมอภาคเท่าเทียม เราต้องยึดมั่นแนวคิดแห่งการเปิดกว้าง สร้างสรรค์เศรษฐกิจโลกแบบเปิดกว้างอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่  ปกป้องระบบการค้าพหุภาคีที่ถือองค์การการค้าโลกเป็นพื้นฐาน ชูธงคัดค้านลัทธิเอกภาคีและลัทธิกีดกัน ปกป้องความมั่นคงและความคล่องตัวของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานโลก

ประการที่สาม โรคระบาดครั้งนี้ให้ข้อคิดแก่เราว่า มนุษยชาติต้องการการปฏิวัติตัวเองครั้งหนึ่ง เพื่อเร่งให้เกิดวิถีการดำรงชีวิตและการผลิตแบบสีเขียว  รวมถึงการสร้างสรรค์อารยธรรมทางระบบนิเวศและโลกที่สวยงาม มนุษยชาติไม่ควรมองข้ามการตักเตือนครั้งแล้วครั้งเล่าของธรรมชาติ โดยยังคงเดินบนหนทางเก่าที่เอาแต่ได้โดยไม่คำนึงถึงการทุ่มเท เอาแต่การพัฒนาแต่ไม่คำนึงถึงการอนุรักษ์ และเอาแต่ใช้ประโยชน์แต่ไม่คำนึงถึงการบูรณะซ่อมแซม “ข้อตกลงปารีส” ที่มีขึ้นเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศนั้น เป็นตัวแทนของทิศทางใหญ่ของโลกในการเปลี่ยนไปสู่การพัฒนาสีเขียวคาร์บอนต่ำ เป็นปฏิบัติการขั้นต่ำสุดที่พึงมีเพื่อคุ้มครองบ้านของโลก นานาประเทศจำต้องก้าวเดินไปข้างหน้าซึ่งนับเป็นจังหวะก้าวเชิงชี้ขาด จีนยินดีที่จะยกระดับการสร้างคุณูปการเพื่อการนี้ โดยใช้นโยบายและมาตรการที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น ใช้ความพยายามลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากที่สุดก่อนสิ้นปี 2030  และบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ก่อนสิ้นปี 2060 นานาประเทศควรยึดแนวคิดใหม่ด้านการพัฒนาที่ประกอบด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความกลมกลืน  การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเปิดกว้าง และการแบ่งปัน ใช้โอกาสเชิงประวัติศาสตร์แห่งการปฏิรูปวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวมถึงอุตสาหกรรมรอบใหม่ให้เป็นประโยชน์ ผลักดันให้เศรษฐกิจโลกหลังสิ้นสุดการระบาดของโควิด-19 บรรลุ “การฟื้นฟูแบบสีเขียว ” และรวมตัวกันเป็นพลังที่เข้มแข็งแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ประการสุดท้าย โรคระบาดครั้งนี้ให้ข้อคิดแก่เราว่า ระบบการบริหารจัดการโลกกำลังรอคอยการปฏิรูปให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นอย่างเร่งด่วน โรคระบาดนอกจากจะเป็นการทดสอบครั้งใหญ่ต่อขีดความสามารถด้านการบริหารของแต่ละประเทศแล้ว หากยังเป็นการตรวจสอบระบบการบริหารจัดการโลกอีกด้วย เราควรยืนหยัดเดินบนหนทางพหุภาคี ปกป้องระบบระหว่างประเทศที่ถือสหประชาชาติเป็นแกนกลาง การบริหารจัดการของโลกควรยึดหลักการร่วมปรึกษาหารือ ร่วมสร้างสรรค์ และร่วมแบ่งปัน ผลักดันให้นานาประเทศมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันในด้านสิทธิประโยชน์ โอกาส และกฎระเบียบ ทำให้ระบบบริหารจัดการโลกสอดคล้องกับการเมืองและเศรษฐกิจโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลง  ตอบสนองความต้องการที่เป็นจริงในการรับมือความท้าทายทั่วโลก คล้อยตามแนวโน้มทางประวัติศาสตร์แห่งสันติภาพ การพัฒนา ความร่วมมือ และการได้ชัยชนะร่วมกัน การที่มีความขัดแย้งดำรงอยู่ระหว่างประเทศนั้นเป็นเรื่องธรรมดา  ควรแก้ไขอย่างเหมาะสมผ่านการเจรจาและการปรึกษาหารือ ระหว่างแต่ละประเทศมีการแข่งขันกันได้ แต่ต้องเป็นไปในเชิงบวก ควรรักษาไว้ซึ่งคุณธรรมขั้นต่ำสุดและมาตรฐานระหว่างประเทศ ประเทศใหญ่ยิ่งควรทำตัวให้สมกับ  “ความเป็นใหญ่” ควรเสนอผลิตภัณฑ์สาธารณะแก่ทั่วโลกให้มากขึ้น รวมถึงแบกรับความรับผิดชอบและสร้างคุณูปการของประเทศใหญ่

ท่านประธานที่เคารพ

นับตั้งแต่ต้นปีนี้ที่ผ่านมา ประชากรจีน 1,400 ล้านคนไม่ยอมแพ้ต่อความยากลำบาก ร่วมแรงร่วมใจกันทั่วประเทศ พยายามสุดกำลังความสามารถเพื่อลดผลกระทบจากโควิด-19 ระบาด รวมถึงเร่งฟื้นฟูระเบียบการผลิตและการดำรงชีวิต เรามีความมั่นใจที่จะเสร็จสิ้นกระบวนการการสร้างสังคมมีกินมีใช้อย่างรอบด้านตามเวลาที่กำหนด บรรลุเป้าหมายการให้ประชากรยากจนตามมาตรฐานปัจจุบันในชนบทหลุดพ้นจากความยากจนทั้งหมดตามกำหนด  ตลอดจนบรรลุเป้าหมายการลดความยากจนตาม “วาระว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน  ค.ศ. 2030 แห่งประชาชาติ” ก่อนกำหนด 10 ปี

จีนเป็นประเทศกำลังพัฒนาใหญ่สุดของโลกที่เดินบนหนทางการพัฒนาร่วมกันอย่างสันติ เปิดกว้าง และร่วมมือ เราจะไม่แสวงหาการครองความเป็นเจ้า แผ่อิทธิพล และไม่รุกรานประเทศอื่นอย่างถาวร เราไม่มีเจตนาทำสงครามร้อนหรือเย็นกับประเทศใด ยืนหยัดใช้การเจรจาแก้ไขความขัดแย้งและข้อพิพาท เราไม่แสวงหาความโดดเด่นแต่เพียงผู้เดียว ไม่ดำเนินการเพื่อแพ้-ชนะ รวมทั้งจะไม่ปิดประตูประเทศ แต่จะค่อย ๆ สร้างโครงสร้างใหม่แห่งการพัฒนาที่ถือการหมุนเวียนภายในประเทศเป็นหลัก ให้การหมุนเวียนภายในกับระหว่างประเทศเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน แผ้วถางทางแห่งการพัฒนาเศรษฐกิจจีน ตลอดจนเติมพลังขับเคลื่อนแก่การฟื้นฟูและการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

จีนจะเป็นผู้สร้างสันติภาพโลก ผู้สร้างคุณูปการต่อการพัฒนาของโลก  และผู้พิทักษ์ระเบียบโลกต่อไป เพื่อสนับสนุนบทบาทแกนนำในภารกิจระหว่างประเทศของสหประชาชาติ ข้าพเจ้าขอประกาศว่า

-จีนจะให้การสนับสนุนอีกครั้งต่อโครงการรับมือการระบาดของโควิด-19  เพื่อมนุษยธรรมทั่วโลกของสหประชาชาติเป็นเงิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

-จีนจะก่อตั้งกองทุนทรัสต์เพื่อความร่วมมือใต้-ใต้ รุ่นที่ 3 ระหว่างจีนกับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติในวงเงิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

-จีนจะขยายอายุกองทุนเพื่อสันติภาพและการพัฒนาระหว่างจีน-สหประชาชาติออกไปอีก 5 ปี ภายหลังกองทุนนี้หมดอายุลงในปี 2025

-จีนจะก่อตั้งศูนย์นวัตกรรมและความรู้ด้านข้อมูลภูมิศาสตร์โลก รวมถึงศูนย์วิจัยข้อมูลขนาดใหญ่ระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ อันเป็นพลังสนับสนุนใหม่แก่การปฏิบัติตาม “วาระว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ปี 2030 แห่งสหประชาชาติ”

ท่านประธานที่เคารพ และผู้ร่วมงานทุกท่าน

        คบเพลิงประวัติศาสตร์ได้ถูกส่งถึงมือรุ่นเราแล้ว เราต้องดำเนินการเลือกสรรอย่างไม่ละอายต่อประชาชนและประวัติศาสตร์ ขอให้เราสามัคคีกัน ยึดมั่นสันติภาพ การพัฒนา ความเป็นธรรม ความเที่ยงตรง ประชาธิปไตย และเสรีภาพ ซึ่งเป็นค่านิยมร่วมกันของมวลมนุษยชาติ ผลักดันการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบใหม่ ผลักดันการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน และร่วมกันสร้างอนาคตที่งดงามยิ่งขึ้นของโลก

TIM/CAI/LU

ภาพและเนื้อหาข่าวเป็นลิขสิทธิ์ของ China Face

Not Found!(404)