“ให้ทุกคนมีโอกาสสร้างความรุ่งโรจน์”-‘สี จิ้นผิง’กับการศึกษาของประชาชน

2020-11-02 08:54CMG

“ต้องจัดการศึกษาเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้เป็นพื้นฐานของธรรมาภิบาล” “ต้องให้โรงเรียนเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ดีที่สุดในหมู่บ้าน” “ให้เด็กทุกคนบินสูงและไกลขึ้นด้วยความฝัน” หากการศึกษารุ่งเรือง บ้านเมืองก็จะเจริญรุ่งเรือง หากการศึกษาเข้มแข็ง บ้านเมืองก็จะเข้มแข็ง ในใจของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน การศึกษาอยู่ในจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ที่ต้องพัฒนาก่อนมาโดยตลอด

ในแต่ปี ครั้งแล้วครั้งเล่า ปธน.สี เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนต่าง ๆ เพื่อติดตามการก่อสร้างอาคารเรียน ความคืบหน้าด้านการเรียนการสอน และความคิดเห็นของครูบาอาจารย์รวมถึงนักเรียนนักศึกษา โดยเขากล่าวเน้นว่า ต้องอบรมเด็กในเขตยากจนให้ดี ปธน.สี เฉลิมฉลองวันเด็กสากลซึ่งตรงกับวันที่ 1 มิถุนายนของทุกปีร่วมกับเด็ก ๆ เฉลิมฉลองวันหนุ่มสาวของจีนซึ่งตรงกับวันที่ 4 พฤษภาคมของทุกปีร่วมกับบรรดานักศึกษา และเฉลิมฉลองเทศกาลครูซึ่งตรงกับวันที่ 10 กันยายนของทุกปีร่วมกับครูอาจารย์ โดยให้กำลังใจพวกเขาให้มุ่งมั่นฟันฝ่าต่อสู้และหวงแหนคุณค่าของกาลเวลา จัดวางและผลักดันการปฏิรูป อีกทั้งพัฒนาการศึกษาด้วยตนเอง ยึดถือความปรารถนาและความต้องการของประชาชนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการก่อนและเป็นแนวโน้มการปฏิรูปด้านการศึกษา ตลอดจนยึดถือความพอใจของประชาชนเป็นมาตรฐานการประเมินการพัฒนาและปฏิรูปการศึกษา

“ให้ทุกคนมีโอกาสสร้างความรุ่งโรจน์”-‘สี จิ้นผิง’กับการศึกษาของประชาชน

“การให้คนรุ่นหลังมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ต้องมีวัฒนธรรมก่อน”

โรงเรียนที่สะอาดสะอ้านมีอุปกรณ์การเรียนการสอนครบครัน ซึ่งรวมถึงห้องสมุด ห้องปฏิบัติการ ห้องเรียนดนตรี และห้องเรียนมัลติมีเดีย เป็นต้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โรงเรียนกลายเป็นอาคารดีที่สุดในหมู่บ้านและตำบลต่าง ๆ

ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีก่อน ภาพลักษณ์ของโรงเรียนในเขตชนบท  คือ ห้องเรียนมืดทึบ เวทีหน้าห้องเรียนปั้นด้วยดิน ส่วนนักเรียนก็มอมแมม นอกจากนี้ ยังถูกขนานนามว่า “มองไกล ๆ เหมือนวัดที่ทรุดโทรม มองใกล้ ๆ ถึงรู้ว่าเป็นโรงเรียน”

มีอยู่วันหนึ่งในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1984 นายสี จิ้นผิง ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประจำอำเภอเจิ้งติ้ง มณฑลเหอเป่ย ปั่นจักรยานไปยังโรงเรียนประถมในหมู่บ้านเป่ยเจี่ย ซึ่งขณะนั้นเป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างมั่งคั่งเมื่อเทียบกับพื้นที่รอบข้าง แต่โรงเรียนในหมู่บ้านแห่งนี้กลับรกและทรุดโทรมมาก ห้องเรียนจำนวนกว่า 10 ห้อง  แทบไม่มีกระเบื้องคลังคา และกระจกหน้าต่างแตกร้าวไปหมด ส่วนประตูห้องเรียนก็เปิด-ปิดไม่ได้

คืนวันเดียวกัน นายสี จิ้นผิง รีบจัดประชุมหารือการซ่อมแซมโรงเรียนแห่งนี้ โดยระบุว่า โรงเรียนอย่างน้อยต้องมีกำแพง ห้องเรียนต้องมีหลอดไฟ หน้าต่างมีกระจก โต๊ะเรียนและเก้าอี้ต้องทำด้วยไม้”

นายสี จิ้นผิง เรียกร้องให้ตำบลและหมู่บ้านต่าง ๆ ตระหนักว่า “การศึกษาเกี่ยวพันถึงอนาคตของลูกหลาน ต้องให้โรงเรียนเป็นอาคารที่ดีที่สุดในหมู่บ้าน”

“การให้คนรุ่นหลังมีชีวิตที่ดีขึ้น ต้องให้พวกเขามีวัฒนธรรมก่อน” นายสี จิ้นผิงเอาใจใส่การศึกษาของเด็ก ๆ มาโดยตลอด

การให้เด็ก ๆ ในเขตชนบทและเขตยากจนได้รับการศึกษาที่ดีเป็นภาระหน้าที่สำคัญในการช่วยเหลือผู้ยากจนและเป็นวิถีทางสำคัญในการหลีกเลี่ยงไม่ให้ความยากจนส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น นายสี จิ้นผิง เคยกล่าวย้ำหลายต่อหลายครั้งในโอกาสต่าง ๆ ว่า การขจัดความยากจนต้องขจัดการไม่รู้หนังสือก่อน การอบรมและพัฒนาเด็กในเขตยากจนเป็นนโยบายพื้นฐานของการช่วยเหลือผู้ยากไร้

“ใช้ความรักและสติปัญญาป้องกันไม่ให้ความยากจนส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น”

ปธน.สี ห่วงใยการศึกษาของเด็กนับล้านคนในเขตชนบททั่วประเทศ เขาระบุว่า ครูบาอาจารย์จำนวนมหาศาลต้องใช้ทั้งความรักและสติปัญญาป้องกันไม่ให้ความยากจนส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น”

ที่เมืองหยันอัน มณฑลส่านซี โรงเรียนความหวังฝูโจว ในหมู่บ้านหยางเจียหลิ่ง ตั้งอยู่ใกล้กับฐานการปฏิวัติเดิม เมื่อเข้าไปในโรงเรียน ผู้คนจะเห็นตัวอักษรสีแดงขนาดใหญ่บนอาคารเรียนสีเหลืองว่า  “ชูดวงตะวันแห่งวันพรุ่งนี้ขึ้น”

ปธน.สี เคยเขียนจดหมาย 2 ฉบับไปยังโรงเรียนแห่งนี้ ทั้งยังเคยเดินทางมาตรวจเยี่ยม 2 ครั้ง เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2015 ปธน.สี เดินทางเยือนโรงเรียนแห่งนี้เป็นครั้งที่ 2 เพื่อพบปะกับบรรดาครูพร้อมกับถามว่าสวัสดิการของครูเป็นอย่างไรบ้าง จนถึงทุกวันนี้ บรรดาครูยังจดจำคำพูดของปธน.สี ที่ว่า “การศึกษาสำคัญมาก การพัฒนาฐานการปฏิวัติเดิมและเขตยากจน แท้จริงแล้วต้องพัฒนาการศึกษาเพื่อไม่ให้เด็ก ๆ พ่ายแพ้ตั้งแต่จุดเริ่มต้นเหมือนกับการแข่งขันวิ่ง”

ปัญหาใหญ่สุดของการศึกษาในเขตชนบท คือ ครูขาดแคลน “ไม่ยอมไป” “อยู่ได้ไม่นาน” และ “สอนไม่ดี” ซึ่งเป็นปัญหา 3 อันดับแรก

ตำบลจงยี่ เขตปกครองตนเองชนเผ่าถู่เจียสือจู้ นครฉงชิ่ง ตั้งอยู่ในเขตภูเขาอู่หลิง เนื่องจากอยู่ในส่วนลึกของป่าและเป็นพื้นที่ทุรกันดาร ตำบลแห่งนี้จึงเป็นพื้นที่ยากจนอย่างมาก 1 ใน 18 แห่งของนครฉงชิ่ง

วันหนึ่งในเดือนเมษายน ปี 2019 ฝนยามฤดูใบไม้ผลิตกปรอย ๆ ปธน.สี ใช้เวลาเดินทางกว่า 3 ชั่วโมงไปยังหมู่บ้านหวาซี ตำบลจงยี่ ที่สนามกีฬาของโรงเรียนประถมจงยี่ ปธน.สี พูดคุยกับบรรดาครูโดยถามว่า จากบ้านในเมืองมาช่วยสอนหนังสือที่นี่เป็นเวลานานหรือยัง เมื่อเทียบกับการสอนในตัวเมืองและพื้นที่อื่น ๆ เงินเดือนที่ได้จากโรงเรียนแห่งนี้ต่างกันอย่างไร และมีโอกาสกลับบ้านในเมืองบ่อยไหม ความห่วงใยของปธน.สีเหล่านี้ทำให้บรรดาครูรู้สึกอบอุ่น

ครูหม่า อิ่งชุ่ย บอกกับปธน.สีว่า เธอเองเคยเป็นนักเรียนโรงเรียนนี้มาก่อน เมื่อสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแล้วจึงสมัครใจกลับมาสอนที่โรงเรียนเก่า ในช่วง 10 กว่าปีมานี้ เธอเห็นกับตาถึงการพัฒนาก้าวหน้าของโรงเรียน

ปธน.สี ชื่นชมครูหม่าว่า “ดีมาก” พร้อมกล่าวด้วยความปีติยินดีว่า  “ข้าพเจ้าหวังว่าจะมีครูจำนวนหนึ่งอย่างครูหม่าที่สมัครใจมาสอนหนังสือในเขตชนบทเป็นเวลายาวนาน อบรมคนรุ่นหลังให้ดีเพื่อบ้านเมืองและบ้านเกิด งานของคุณมีความหมายสำคัญยิ่ง”

“ให้ทุกคนมีโอกาสสร้างความรุ่งโรจน์”-‘สี จิ้นผิง’กับการศึกษาของประชาชน

แผนยาวนานนับร้อยปีต้องยึดการศึกษาเป็นพื้นฐาน และการพัฒนาการศึกษาต้องยึดครูเป็นพื้นฐาน หลังการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 เป็นต้นมา คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีเลขาธิการ สี จิ้นผิงเป็นแกนกลาง ได้จัดการพัฒนาทีมงานครูให้อยู่ในตำแหน่งสำคัญ ศึกษาวิจัยและใช้มาตรการปฏิรูปต่าง ๆ โดยผลักดันโครงการสนับสนุนครูในเขตชนบทให้ลงลึก ทุกปี นโยบายการศึกษาด้านการอบรมครูฟรีดึงดูดครูจำนวน 45,000 คนให้มาสอนหนังสือในเขตชนบท นอกจากนี้ นโยบายให้เงินช่วยเหลืออุดหนุนชีวิตความเป็นอยู่ยังทำให้ครูจำนวนกว่า 1,300,000 คนที่กระจัดกระจายอยู่ตามโรงเรียนในเขตชนบทกว่า 80,000 แห่งได้รับประโยชน์

360 สาขาอาชีพ ต่างมีจวงหงวน”

ทางใต้ของลุ่มแม่น้ำไห่เหอซึ่งไหลผ่านนครเทียนจิน มีเมืองใหม่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นแหล่งรวมโรงเรียนและสถาบันอาชีวศึกษาต่าง ๆ หลายปีมานี้ มีสถาบันอาชีวศึกษากว่า 10 แห่งย้ายออกจากตัวเมืองเทียนจินมาตั้งอยู่ในเมืองที่มีพื้นที่ 37 ตารางกิโลเมตรแห่งนี้ เพื่อกระจายทรัพยากรด้านอาชีวศึกษา

ศูนย์อบรมทักษะวิชาชีพสาธารณะซึ่งตั้งอยู่ในเขตการศึกษาดังกล่าวมีผู้คนสัญจรไปมาอย่างไม่ขาดสาย

เดือนพฤษภาคม ปี 2013 ปธน.สี เดินทางไปตรวจเยี่ยมเขตการศึกษาแห่งนี้ เพื่อตรวจงานการอบรมทักษะวิชาชีพและพูดคุยกับบรรดานักศึกษาที่เพิ่งสำเร็จการศึกษา คนว่างงาน รวมไปถึงแรงงานจากเขตชนบท เป็นต้น โดยให้กำลังใจแก่นักศึกษาปัจจุบันว่าต้องมีอุดมการณ์ มีความทะเยอทะยาน และมุ่งสู่ความเป็นจริง เปลี่ยนแนวคิดการเลือกสายอาชีพมาเป็นการพิจารณาตามสภาพความเป็นจริง กล้าออกไปหางานในท้องถิ่นและเขตที่ยากลำบาก เพื่อให้ทุกขั้นตอนของชีวิตมีความมั่นคง และสร้างผลงานที่ไม่ธรรมดาในตำแหน่งที่ธรรมดา

“ให้ทุกคนมีโอกาสสร้างความรุ่งโรจน์”-‘สี จิ้นผิง’กับการศึกษาของประชาชน

อาชีวศึกษาเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบการศึกษาและการบุกเบิกพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของชาติ เป็นวิถีทางสำคัญที่ช่วยให้คนหนุ่มสาวจำนวนมหาศาลประสบความสำเร็จและพัฒนาเป็นบุคลากรด้านต่าง ๆ  ปธน.สี ให้ความสำคัญต่ออาชีวศึกษาและการอบรมบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคมาโดยตลอด

วันที่ 17 มิถุนายน ปี 2015 เกา หยวี นักเรียนจากโรงเรียนอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลมณฑลกุ้ยโจว ประจำปี 2014 มีโอกาสแสดงฝีมือควบคุมหุ่นยนต์ให้ปธน.สีชม วันนั้น ขณะเด็กหนุ่มกำลังฝึกควบคุมแขนหุ่นยนต์เขียนตัวอักษรบนหน้าจอ ปธน.สี ได้มายังฐานอบรมการผลิตอัจฉริยะของโรงเรียนอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลมณฑลกุ้ยโจว พร้อมพูดคุยกับนักเรียนคนดังกล่าวโดยถามว่า บ้านอยู่ที่ไหน ทำไมถึงเลือกเรียนที่นี่ ชีวิตความเป็นอยู่ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง และความฝันคืออะไร ด้านเกา หยวี ตอบว่า บ้านของผมอยู่ที่เมืองบี้เจี๋ย ผมเลือกที่นี่เพราะได้เรียนเทคนิคที่ตลาดต้องการในอนาคต การเรียนมีทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติซึ่งช่วยเสริมทักษะของเราได้อย่างรวดเร็ว

ปธน.สี ระบุว่า “สาขาอาชีพต่าง ๆ ต้องการบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจำนวนมาก  และต้องการบุคลากรที่มีฝีมือและเทคนิคจำนวนมากเช่นกัน ผู้คนทั้งหลายต้องมั่นใจอย่างเต็มที่ต่ออนาคต เมื่อบรรดานักเรียนได้ยินคำกล่าวของปธน.สี ก็ต่างรู้สึกตื่นเต้นและมีความกระตือรือร้นขึ้น

โรงเรียนซานตันเผยหลี ในอำเภอจางเย่ มณฑลกานซู่ ก่อตั้งขึ้นปี ค.ศ. 1942 โดยถือการเรียนการสอนสายอาชีพเป็นเอกลักษณ์มาโดยตลอด เดือนสิงหาคม ปี 2019  ปธน.สี เดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงเรียนแห่งนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศเราต้องพึ่งพาอาศัยการพัฒนาเศรษฐกิจจริง ซึ่งต้องการบุคลากรทางเทคนิคเฉพาะด้านจำนวนมาก  ต้องการช่างสาขาต่าง ๆ จำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ อาชีวศึกษาจึงมีศักยภาพมาก นอกจากนี้ ปธน.สี ยังกล่าวกับบรรดานักเรียนด้วยว่า อาชีพ 360  สาขา ทุกสาขาต่างมีจวงหงวน หวังว่า พวกคุณจะสามารถสืบทอดประเพณีดั้งเดิม พัฒนาก้าวหน้าพร้อมกับกาลเวลา พวกคุณมีอนาคตสดใสกว้างไกล ข้าพเจ้าสนับสนุนพวกคุณ”

คนพิการก็มีชีวิตที่รุ่งโรจน์ได้

 แสงแดดยามเช้าสาดทอไปทั่วสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ในเมืองฮูเหอห้าวเท่อ ในเขตมองโกเลียใน ถือเป็นการเริ่มต้นวันใหม่อันอบอุ่น

“ให้ทุกคนมีโอกาสสร้างความรุ่งโรจน์”-‘สี จิ้นผิง’กับการศึกษาของประชาชน

ก่อนตรุษจีน ปี 2014 ปธน.สี ได้มาตรวจเยี่ยมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ พร้อมพบปะพูดคุยกับเด็ก ๆ และครูของที่นี่ หวาง หย่าหนี  นักเรียนหญิงหูหนวกงอนิ้วโป้งให้ปธน.สี ซึ่งมีความหมายว่า "ขอบคุณ"  ในภาษามือ ส่วนปธน.สี งอนิ้วหัวแม่มือเลียนแบบตามเด็กหญิง ทำไปพลางก็พูดคุยกับเธอไปพลาง โดยบอกว่า การยกนิ้วหัวแม่มือแสดงว่า  “ดี” ส่วนการงอนิ้วหัวแม่มือมีความหมายว่า “ขอบคุณ”

ที่นี่ ปธน.สี แลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้คนทั้งหลาย โดยถามถึงเรื่องการเรียน อุดมการณ์ พลิกดูหนังสือภาษามือและอัลบั้มรูป เมื่อเขาเห็นว่า เด็ก ๆ ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงดี ปธน.สี จึงปลื้มปีติและอวยพรให้เด็ก ๆ ประสบความสำเร็จในการเรียน

ปธน.สี ยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อการศึกษาของเด็กกำพร้าและผู้พิการ

เดือนกันยายน ปี 1990 หวง เต้าเลี่ยง เด็กนักเรียนพิการจากอำเภอหมิ่นชิง มณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งเคยสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาแล้วถึง 3 ครั้ง  ได้รับการอนุมัติจากนายสี จิ้นผิง ซึ่งดำรงตำแหน่งขณะนั้นเป็นเลขาการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประจำเมืองฝูโจว เมืองเอกของมณฑลฝูเจี้ยน และอธิการบดีวิทยาลัยอาชีวศึกษาหมิ่นเจียง เขาจึงมีโอกาสได้เข้าเรียนในมหาวิทาลัยอาชีวศึกษาหมิ่นเจียง ด้วยเหตุนี้ หวง เต้าเลี่ยงจึงกลายเป็นนักศึกษาพิการแขนสองข้างคนแรกของมณฑลฝูเจี้ยน

หวง เต้าเลี่ยง บอกว่า สำหรับผม การได้มีโอกาสเรียนมหาวิทยาลัยก็ไม่ต่างจากการเกิดใหม่

การสร้างสังคมอยู่ดีมีสุขอย่างรอบด้าน ซึ่งรวมถึงผู้พิการทุกคน ดั่งที่ปธน.สี ระบุในช่วงลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานดูแลผู้พิการเมืองถังซาน  มณฑลเหอเป่ย เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2016 ว่า ผู้พิการก็สามารถมีชีวิตที่รุ่งโรจน์ได้เช่นกัน

หลายปีมานี้ การศึกษาพิเศษของจีนมีระดับสูงขึ้น มีความทั่วถึง มีหลักประกัน และคุณภาพการเรียนการสอนที่ดี สิทธิเข้าถึงการศึกษาของเด็กพิการมีหลักประกันที่มั่นคง จีนบรรลุเป้าหมายขั้นพื้นฐานที่ให้นักเรียนพิการจากครอบครัวที่มีความยากลำบากทางเศรษฐกิจได้รับการศึกษาฟรีเป็นเวลา 12 ปี ซึ่งรวมถึงการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี และการศึกษาชั้นมัธยมปลายอีก 3 ปี

(Tim/Zhou/Lu)

ภาพและเนื้อหาข่าวเป็นลิขสิทธิ์ของ China Face

Not Found!(404)