เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนและนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการพบปะกันที่ประเทศอาร์เจนตินา หลังการพบปะเปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงที่จะยุติการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม และมาตรการจำกัดทางการค้าต่าง ๆ โดยสองฝ่ายมีแผนจะใช้เวลา 90 วัน ในการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการยกเลิกภาษีที่เพิ่มขึ้น ภายในปีนี้ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าว ทางสหรัฐฯ มีความเป็นไปได้จะยกระดับสงครามการค้าต่อไป
สำหรับความคิดเห็นต่อผลสำเร็จของการพบปะระหว่างผู้นำจีนและสหรัฐฯ นั้น ประเด็นแรก การพบปะกันในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้นำสองฝ่ายได้ชลอความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการเจรจา ตลอดจนให้เวลาในการแก้ปัญหามากยิ่งขึ้น จึงมีความหมายเชิงบวก ในขณะเดียวกัน การพบปะครั้งนี้ก็ชี้ให้เห็นว่า ช่วงเวลา3 เดือนต่อจากนี้ไป ทีมงานเศรษฐกิจทั้งสองฝ่ายจะต้องทำงานหนัก และเต็มไปด้วยความซับซ้อนและยากลำบาก
การที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันพยายามที่จะแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศ ย่อมเป็นทางเลือกที่ฉลาดและเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย หากทีมงานเศรษฐกิจทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงตามความเห็นร่วมกันของผู้นำทั้งสองประเทศ ย่อมจะเป็นเรื่องดีต่อทั้งจีนและสหรัฐ แต่หากไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ อาจจะเกิดสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่จะนำมาซึ่งความไม่มั่นใจต่อการพัฒนาสองประเทศรวมทั้งทั่วโลกด้วย ดังนั้น อีก 3 เดือนข้างหน้าจะมีความสำคัญอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลา 3 เดือนของการเจรจาสำหรับความซับซ้อนของความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯแล้ว เป็นเวลาที่สั้นและคณะทำงานต้องทำงานอย่างหนัก ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทางสหรัฐฯเสนอมา เช่น การปกป้องสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา ความร่วมมือด้านเทคโนโลยี การอนุมัติเข้าตลาด เป็นต้น ท่าทีของจีนคือ ประเด็นที่สอดคล้องกับทิศทางการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีน จะเป็นประเด็นสำคัญ ๆ ในการเจรจา ขณะเดียวกัน จีนก็ได้เสนอประเด็นที่จีนให้ความสำคัญต่อสหรัฐฯ ด้วย
เวลา 3 เดือนข้างหน้า ประเทศจีนจะยังคงยืนหยัดการพิทักษ์ผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่ายและระเบียบการค้าโลกต่อไป การประสานงานและทำความเข้าใจกับสหรัฐฯอย่างเต็มกำลัง เพื่อเป้าหมายการยกเลิกภาษีศุลกากร ขณะเดียวกัน ในขณะเดียวกันจีนก็เผื่อใจไว้สำหรับการเจรจาในครั้งนี้
(Bo/Zi/Zheng)