ดังนั้น ควรให้ลูกมีความรู้สึกว่า การทำงานบ้านเป็นสิ่งที่สำคัญ และมีความหมายมาก
1.การรักษาความสะอาดและมีระเบียบ เป็นความเคยชินที่ดีในการใช้ชีวิต การเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองของลูก จะค่อยๆ ฝังรากทำให้เด็กรู้จักบริหารจัดการตนเองได้ดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่แยกเพศว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เพราะว่า ดิฉันเคยได้เห็นลูกสาวที่แต่งงานแล้ว ยังต้องให้คุณแม่มาช่วยทำความสะอาดห้องของเธอ และก็เคยเห็นลูกชายที่มีอายุกว่า 30 ปีแล้ว ยังโยนทิ้งเสื้อผ้าที่สกปรกตามใจ ต้องให้คุณแม่มาช่วยซักเสื้อผ้าให้ ซึ่งสำหรับผู้สูงอายุที่ลูกชายลูกสาวต่างเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ย่อมไม่ใช่ภาระที่รู้สึกหอมหวานเป็นแน่
2. หากเด็กสามารถดูแลตัวเองได้ตั้งแต่วัยเด็ก และเรียนรู้ที่จะทำสิ่งต่างๆ กับสมาชิกคนอื่นๆในครอบครัว เด็กก็จะยิ่งตระหนักถึงความสามารถอย่างชัดแจ้งของตัวเอง และสร้างความมั่นใจในตนเอง
3. คุณผู้ฟังสังเกตเห็นไหมคะว่า เด็กมีพลังงานอย่างเต็มที่ เมื่อคุณง่วงเขาไม่ง่วง เมื่อคุณเหนื่อย เขายังมีชีวิตชีวาไม่เหนื่อย ดังนั้น การทำงานบ้านยังช่วยให้เด็กได้ปล่อยพลังงานของตน และเมื่อทำงานบ้านเหนื่อยแล้ว ก็จะพักผ่อนอย่างเชื่อฟัง เหมือนกับว่า ทำหนึ่ง แต่ได้ถึงสอง
4. การทำงานบ้าน ยังฝึกความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กด้วย ระหว่างกระบวนการเรียนรู้ เด็กจะสังเกตว่าผู้ใหญ่ทำอย่างไร ขณะที่ตัวเองทำ ก็จะสามารถปรับใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น
5. หากคุณพ่อคุณแม่อยากจะให้ลูกชอบทำงานบ้าน ควรฝึกลูกเก็บของก่อน ก็เหมือนการเล่นเกมจับคู่ อย่างเช่น เก็บของเล่นที่แตกต่างกัน หนังสือที่มีรูปร่างและขนาดต่างกัน สีเสื้อผ้าที่ต่างกัน ต่างก็จะกระตุ้นศักยภาพสมองของลูก ขณะที่คุณย่าของ “หมี่ตัว-ลูกชายดิฉัน” ทำอาหาร ก็ให้เขาที่มีอายุหนึ่งขวบกว่าช่วยลอกเปลือกถั่วงอก ฝึกนิ้วของเขา ซึ่งก็เป็นวิชาหนึ่งของชั้นเรียนสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน
ความเป็นจริง หากผู้ปกครองไม่เต็มใจที่จะฝึกให้ลูกทำงานบ้านตอนยังเล็ก และรู้สึกว่า รอลูกโตขึ้นจนสามารถช่วยได้ จึงค่อยสั่งให้ลูกทำนี่ทำโน่น แล้วก็จะพบว่า ลูกจะโต้แย้งไม่ยอมเชื่อฟังง่ายๆ แล้ว
สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งคือ ผู้ปกครองพลาดโอกาสที่จะฝึกให้ลูกมีความสามารถในการดูแลชีวิตของตนเอง ทำให้การทำงานบ้านกลายเป็นสิ่งที่ไม่สนุกและเป็นภาระในความคิดของเด็ก
สามารถทำงานเลี้ยงตัว หาเงินได้จากน้ำพักน้ำแรงความสามารถของตน เป็นสิ่งที่คนกลุ่ม“เกาะพ่อแม่กิน” ไม่มีติดตัว แม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่พวกเขายังไม่มีความสามารถดูแลตัวเองได้ เหมือนยังเป็นเด็ก ยังต้องขอเงินกินข้าวจากพ่อแม่ที่สูงอายุแล้ว ทำให้พวกท่านต้องเป็นกังวลนอนไม่หลับ นับเป็นความโชคร้ายของลูก และกล่าวได้ว่าเป็นผลที่เกิดจากผู้ปกครองไม่ได้ปล่อยมือในเวลาที่เหมาะสมด้วย
ต่อไปเรามาดูว่า งานบ้านที่เหมาะกับเด็กในแต่ละช่วงอายุมีอะไรบ้าง
วัย 9-24 เดือน
ให้คำแนะนำง่ายๆ เช่น ให้ลูกฝึกใช้ช้อนทานด้วยตัวเอง
อายุ 2-3 ปี
ให้ลูกทิ้งขยะลงในถังขยะภายใต้คำชี้นำของผู้ปกครอง, ขณะที่ผู้ปกครองขอความช่วยเหลือ ลูกก็ช่วยหยิบส่งของให้ได้, ช่วยเอาเสื้อผ้าใส่ไม้แขวน, ช่วยรดน้ำต้นไม้ (ผู้ปกครองให้น้ำในปริมาณที่เหมาะสมแก่เด็ก), ให้ลูกเก็บของเล่นตัวเองก่อนเข้านอนกลางคืน, สอนให้ลูกใช้ห้องน้ำ
Yim/kt