ค.ศ. 2021 เป็นวาระครบรอบ 100 ปี แห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน การทำความเข้าใจภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และเงื่อนไขทางสังคม ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่นำไปสู่การกำเนิดขึ้นของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทางประวัติศาสตร์ มีทั้งคุณค่าทางวิชาการและความหมายในปัจจุบัน
เพื่อฉลองการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนครบหนึ่งศตวรรษ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศาสตราจารย์ เซ่า เว๋ยเจิ้ง ผู้มีประสบการณ์ทำงานศึกษาค้นคว้ามีส่วนในการเรียนการสอนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์พรรคฯ และประวัติศาสตร์การปฏิวัติจีนมาอย่างยาวนาน ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในประเด็นการกำเนิดขึ้นของพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเป็นไปทางประวัติศาสตร์
ศาสตราจารย์ เซ่า เว๋ยเจิ้ง กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า จีนเป็นประเทศที่มีอารยธรรมตะวันออกตั้งแต่สมัยโบราณ มีทั้งประวัติศาสตร์อันยาวนานและวัฒนธรรมที่ได้รับการสั่งสมและตกผลึกอย่างอุดมสมบูรณ์ ความเจริญรุ่งเรืองในยุคต่าง ๆ เช่น สมัยราชวงศ์ถัง ต่างถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ กำลังการผลิตทางสังคม การคิดค้นนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนเคยอยู่ระดับแนวหน้าของโลกมาเป็นเวลายาวนาน ที่ผ่านมาจีนสร้างคุณูปการอันยอดเยี่ยมต่อการพัฒนาของมวลมนุษยชาติ
นับตั้งแต่ยุคใกล้เป็นต้นมา การรุกรานของจักรวรรดินิยมและการกดขี่ของลัทธิศักดินา ประชาชาติจีนเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เกี่ยวพันถึงความอยู่รอดหรือการล่มสลาย บุคคลผู้มีอุดมการณ์ สติปัญญา และความมุ่งมั่นตั้งใจ ตลอดจนประชาชนชนชั้นต่าง ๆ ได้ต่อสู้ด้วยรูปแบบต่าง ๆ เพื่อกอบกู้ประชาชาติให้สามารถดำรงอยู่ต่อไปบนโลกได้ตามลำดับ เช่น “ขบวนการไท่ผิงเทียนกว๋อ” (การลุกขึ้นสู้ของชาวนาจีนเพื่อต่อต้านการปกครองระบอบศักดินาของราชวงศ์ชิง ระหว่าง ค.ศ. 1851 - 1864 ซึ่งนับเป็นขบวนการต่อต้านราชวงศ์ชิงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในช่วงเวลากลางศตวรรษที่ 19) “ขบวนการหยางอู้” (หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ขบวนการสร้างความเข้มแข็งด้วยตนเอง” เป็นขบวนการกอบกู้การปกครองของราชวงศ์ชิงที่ดำเนินการโดยฝ่ายหยางอู้ซึ่งเป็นฝ่ายการเมืองที่มีแนวคิดสร้างความเข้มแข็งผ่านการเรียนรู้ความก้าวหน้าของฝ่ายตะวันตก เช่น การนำเข้ายุทโธปกรณ์ การผลิตด้วยเครื่องจักร รวมถึงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากโลกตะวันตก ในช่วงปลายราชวงศ์ชิง ระหว่างทศวรรษ 1960 - 1990 แห่งศตวรรษที่ 19) “การปฏิรูปอู้ซี” (หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “การปฏิรูป 100 วัน” เป็นขบวนการปฏิรูปของชนชั้นนายทุนที่ส่งเสริมให้เรียนรู้จากตะวันตก ปฏิรูประบบการเมือง การศึกษาและพัฒนาการเกษตร รวมไปถึงอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม ในปลายสมัยราชวงศ์ชิง) “ขบวนการอี้เหอถวน” (หรือขบวนการชาวนาจีนที่ถือการช่วยเหลือราชวงศ์ชิงและกำจัดอิทธิพลต่างประเทศเป็นคำขวัญในช่วงปลายศตวรรษที่ 19) และ “การปฏิวัติซินไฮ่” (หรือขบวนการปฏิวัติทั่วประเทศที่มีวัตถุประสงค์โค่นล้มระบอบเผด็จการกษัตริย์แห่งราชวงศ์ชิงและสถาปนาระบอบสาธารณรัฐซึ่งเกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1911 - 1912)
ชนชั้นและพลังการเมืองต่าง ๆ ในจีนต่างผ่านบททดสอบมาด้วยความยากลำบาก แต่ล้วนไม่สามารถพบทางออกแห่งการกอบกู้ประชาชาติไม่ให้ล่มสลายได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมอันโศกเศร้าของปวงชน ทั้งนี้ ทำให้ชาวจีนที่มีแนวคิดก้าวหน้าและนักปฏิวัติผู้ทุ่มเทแสวงหาทางออกด้วยความยากลำบากจำนวนมากตกอยู่ในวังวนแห่งความว้าเหว่และสับสนเป็นเวลายาวนาน
ค.ศ. 1917 การอุบัติขึ้นของการปฏิวัติเดือนตุลาคมแห่งรัสเซีย ถือเป็นการชี้นำให้เห็นถึงหนทางใหม่แห่งการพัฒนาสังคม ทำให้บุคคลผู้มีแนวคิดก้าวหน้าของจีนมองเห็นแสงสว่าง พร้อมไปกับการเผยแพร่อย่างกว้างขวางของลัทธิมาร์กซ์-เลนินในจีนและการถือกำเนิดขึ้นอย่างคึกคักของขบวนการกรรมกรจีน กลุ่มคนหัวก้าวหน้าที่มีแนวคิดลัทธิมาร์กซ์ในเบื้องต้นได้เรียนรู้ผ่านการปฏิวัติว่า หากต้องการให้การปฏิวัติจีนประสบความสำเร็จจำต้องตั้งพรรคการเมืองของชนชั้นกรรมาชีพให้ได้ ท่ามกลางกระบวนการค่อย ๆ รวมเข้าด้วยกันของลัทธิมาร์กซ์-เลนินกับขบวนการกรรมกรจีน พรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงถือกำเนิดขึ้นตามความเป็นไปของสถานการณ์
การปฏิวัติพิสูจน์ให้เห็นว่า การบรรลุการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองอันยิ่งใหญ่แห่งประชาชาติจีนนั้น ใช่ว่าจะพึ่งพาการปฏิรูปได้ อีกทั้งยังไม่มีวิธีการที่เป็นยาวิเศษใด ๆ จึงมิอาจฝากความหวังไว้กับความสงสารจากประเทศตะวันตกได้ ทางออกมีเพียงหนทางเดียวเท่านั้นคือต้องดำเนินการปฏิวัติให้ถึงที่สุด ตามคำพูดในสมัยนั้นก็คือต้องเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างสิ้นเชิง ต้องโค่นล้มการปกครองของฝ่ายตรงข้ามด้วยวิธีการปฏิวัติ
พรรคคอมมิวนิสต์จีนก่อตั้งขึ้นภายใต้ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ดังที่กล่าวมาข้างต้น ประวัติศาสตร์ได้ออก “สูติบัตร” แก่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ในช่วงเริ่มแรกของการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีสมาชิกพรรคเพียง 50 กว่าคน ทั้งยังอยู่ในสถานะเป็นความลับ สมาชิกพรรคฯ ส่วนใหญ่คือปัญญาชนซึ่งในเวลานั้นยังไม่มี “พลังอย่างแท้จริง” เท่าไรนัก คำถามคือเหตุใดประวัติศาสตร์จึง “เอ็นดู” พรรคคอมมิวนิสต์จีนและทำไมประชาชนถึงไว้วางใจพรรคคอมมิวนิสต์จีนถึงเพียงนี้เล่า? คำตอบคือ พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีทฤษฎีตามหลักวิทยาศาสตร์เป็นแนวคิดชี้นำ มีชนชั้นก้าวหน้าเป็นพื้นฐาน และมี “การแสวงหาความสุขแก่ประชาชน” เป็นความมุ่งมั่นตั้งใจเริ่มแรก จึงสามารถแบกรับภาระหน้าที่ทางประวัติศาสตร์แห่งความเป็นผู้นำการปฏิวัติจีน ตลอดจนบรรลุความคาดหวังและหน้าที่อันหนักหน่วงที่ได้รับมอบหมายจากประชาชนจีนได้
ปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีความโดดเด่นและได้รับการคัดเลือกจากพรรคการเมืองต่าง ๆ จำนวนหลายร้อยพรรคในยุคใกล้ของจีน กลายเป็นแกนนำแห่งการปฏิวัติจีน ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวได้ว่า การถือกำเนิดขึ้นของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นความต้องการเชิงภววิสัยของการปฏิวัติจีน เป็นผลลัพธ์ที่ย่อมจะต้องเกิดขึ้นแห่งการพัฒนาทางประวัติศาสตร์ของจีน การที่ประเทศจีนมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้นถือเป็นการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ที่ประชาชาติจีนเริ่มก้าวจากความถดถอยสู่การฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรือง อยู่ในสถานะที่เป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ในยุคใกล้และยุคปัจจุบันของจีน ทั้งนี้ หาใช่การประเมินด้วยตัวเองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน หากเป็นการเลือกของประวัติศาสตร์และประชาชนจีน
TIM/LU