เทศกาลฉงหยางเป็นเทศกาลดั้งเดิมของจีน ตรงกับวันที่ 9 เดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน เทศกาลฉงหยางในปี 2021 คือ วันที่ 14 ตุลาคม เลข "เก้า" คือ เลขหยางใน "อี้จิง" (หรือคัมภีร์อี้) และเลข "เก้า-เก้า" เป็นเลขหยางสองตัวทับซ้อนกัน จึงเรียกว่า "ฉงหยาง" คนโบราณจีนเชื่อว่าเทศกาลนี้เป็นวันมงคล ชาวบ้านมีประเพณีต่าง ๆ เช่น ปีนขึ้นไปบนที่สูงเพื่อขอพร บูชาเทพเจ้าและบรรพบุรุษ สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งยังได้เพิ่มเนื้อหาใหม่ต่าง ๆ เช่น การแสดงความเคารพนับถือต่อผู้สูงอายุ เป็นต้น ในแนวคิดคติชนวิทยาจีน "เก้า" เป็นตัวเลขใหญ่ที่สุดและหมายถึงอายุยืนยาวจึงเป็นวันเหมาะแก่การแสดงความเคารพนับถือผู้สูงอายุ ขอให้พวกเขามีอายุยืนยาวและมีสุขภาพแข็งแรง

วันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 รัฐบาลจีนประกาศให้เทศกาลฉงหยางอยู่ในรายการมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ชุดแรก ตั้งแต่ ค.ศ. 2012 ประเทศจีนได้กำหนดให้วันที่เก้าเดือนเก้าตามปฏิทินจันทรคติเป็นวันผู้สูงอายุ

ในค่านิยมของคนจีนความเคารพนับถือผู้สูงอายุเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในการมีคุณธรรมที่ดี ตั้งแต่สมัยโบราณชาวจีนสนับสนุนให้มีความกตัญญู ต้องนับถือผู้สูงอายุนับถือดูแลผู้อาวุโสของเราอย่างไร ควรดูแลผู้อื่นแบบเดียวกัน รักลูกหลานเราอย่างไรควรรักลูกหลานผู้อื่นแบบเดียวกัน

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงปฏิบัติตามแนวคิดเคารพนับถือผู้อาวุโสและผู้มีคุณธรรมมาโดยตลอด

บนโต๊ะหนังสือของสี จิ้นผิงมีภาพถ่ายสองรูปวางอยู่ หนึ่งคือภาพถ่ายของคุณพ่อสี จ้งซินที่กำลังนั่งบนรถเข็นที่เขาเข็นอยู่พร้อมกับสมาชิกครอบครัว อีกภาพหนึ่งคือเขาจับมือคุณแม่เดินเล่นด้วยกัน แม้ตารางงานจะแน่นมากแต่เมื่อใดก็ตามที่เขามีเวลาทานข้าวกับแม่ สี จิ้นผิงจะจูงมือคุณแม่เดินเล่นคุยกันหลังอาหาร

วันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 2001 สมาชิกครอบครัวจัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดครบ 88 ปีแก่คุณพ่อสี จ้งซวิน แต่ขาดอยู่คนเดียว คือ ลูกสี จิ้นผิง ซึ่งขณะนั้นเขาเป็นผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยน ในจดหมายอวยพรวันเกิดถึงพ่อ สี จิ้นผิงเขียนด้วยความรักว่า “มีคุณสมบัติอันสูงส่งมากมายที่ผมได้สืบทอดและเรียนรู้จากพ่อ” สี จ้งซวินก็เข้าใจลูกชายของเขาเป็นอย่างดี โดยเขียนตอบว่า “การรับใช้ประชาชนเป็นการแสดงความกตัญญูยิ่งใหญ่ที่สุดที่มีต่อพ่อแม่ของลูก”

กตัญญูน้อย คือ กตัญญูต่อครอบครัว และกตัญญูยิ่งใหญ่ คือ ภักดีต่อประเทศชาติ ตั้งแต่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่สู่การดูแลเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่มีอายุมากแล้ว ไปจนถึงการส่งความอบอุ่นแก่คนชราผู้ยากจน สี จิ้นผิงปฏิบัติทั้งในบ้านและหน้าที่การงาน เขาได้ใช้ความพยายามเพื่อให้ผู้สูงวัยใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข

วันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1984 สี จิ้นผิงซึ่งขณะนั้นเป็นเลขาธิการคณะกรรมการพรรคเขตเจิ้งติ้ง มณฑลเหอเป่ย ได้ประพันธ์บทความที่มีการลงนามจริงเป็นครั้งแรกใน "หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้า" ในหัวข้อการเคารพผู้สูงอายุ บทความดังกล่าวมีชื่อว่า “เจ้าหน้าที่รัฐบาลวัยหนุ่มสาวและวัยกลางคนต้องเคารพนับถือผู้สูงอายุ” โดยเน้นถึงเรื่องการดูแลเจ้าหน้าที่ผู้สูงวัยที่เกษียณอายุการทำงานแล้ว หลายประเด็นในบทความยังมีความสำคัญในทางปฏิบัติจนถึงทุกวันนี้ แม้บทความนี้ไม่ยาวมากแต่สะท้อนถึงจิตใจและความรักของสี จิ้นผิงที่มีต่อผู้สูงอายุ

ช่วงต้นทศวรรษ 1990 เริ่มมีการก่อสร้างสนามบินฉางเล่อในเมืองฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยน โดยเชิญสหายทหารผ่านศึกของกองทัพบางคนให้เข้าร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ด้วย ช่วงค่ำก่อนวันนั้น สี จิ้นผิงซึ่งเป็นเลขาธิการคณะกรรมการพรรคฯ เทศบาลเมืองฝูโจวในขณะนั้นได้ขอให้เลขาฯ แจ้งให้ทุกท่านทราบว่า วันรุ่งขึ้นลมแรงและหนาวมากขอให้แจ้งสหายทุกท่านว่าใส่เสื้อกันหนาวและรักษาความอบอุ่นทีละคน

หลังดำรงตำแหน่งผู้นำระดับสูงสุดของจีนแล้วเขายังคงให้เกียรติและเคารพผู้สูงอายุอย่างที่เคยทำเป็นประจำ

คุณน้า สือ ป๋าซาน ชาวม้งที่หมู่บ้านสือปาต้ง ทางภาคตะวันตกของมณฑลหูหนาน ยังจำได้ว่าเมื่อท่านมาเยือนที่บ้าน สี จิ้นผิงเปิดฝาถังเก็บข้าวแล้วถามว่า "มีข้าวพอกินไหม" "ผลไม้ออกผลหรือเปล่า" "ได้เลี้ยงหมูหรือยัง" 

ที่บ้านของถัง หรงปิน ผู้สูงอายุที่ตอนนั้นเป็นผู้ยากจน อำเภอฟู่ผิง มณฑลเหอเป่ย สี จิ้นผิงเคยนั่งขัดสมาธิบนเตียงถามอย่างละเอียดว่า พวกเขามีรายได้เท่าไรต่อปี มีอาหารเพียงพอหรือไม่ มีผ้าห่มสำหรับฤดูหนาวหรือเปล่า ถ่านพอใช้หรือไม่ และลูก ๆ ไปโรงเรียนไกลหรือเปล่า ไปหาหมอสะดวกหรือเปล่า

ในการต่อสู้กับความยากจนอย่างยากลำบาก นายสี จิ้นผิงห่วงใยผู้สูงอายุยากจนและกำลังทุกข์ทรมานจากโรคต่าง ๆ อยู่เสมอ อาหารและเครื่องนุ่งห่มของผู้สูงอายุยากจนจึงรวมอยู่ในรายการระบบประกันสำหรับการขจัดความยากจน

นอกจากนี้สี จิ้นผิงยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพของผู้สูงอายุด้วย

หลังจากการระบาดของโควิด-19 สี จิ้นผิงบัญชาการและวางแผนอย่างดีโดยสั่งว่าในการต่อสู้กับ "โรคระบาด" จะต้องช่วยทุกชีวิตอย่างไม่คิดต้นทุนและไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยที่มีอายุมากเท่าไหร่ หรือ มีอาการรุนแรงเพียงใดจะต้องรักษาให้หมดและไม่ทิ้งใครไว้สักคน มณฑลหูเป่ยประสบความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 มากกว่า 3,000 รายที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป และ 7 รายที่มีอายุมากกว่า 100 ปี เคยมีผู้ป่วยสูงอายุรายหนึ่งวัย 70 ปีแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์มากกว่า 10 คนได้ช่วยเหลืออย่างระมัดระวังเป็นเวลาหลายสิบวัน ในที่สุดเขาจึงหายดี ค่ารักษาพยาบาลสูงกว่า 1.5 ล้านหยวน รัฐบาลออกให้ทั้งหมด

ตั้งแต่เคารพนับถือพ่อแม่ ให้ความสำคัญกับความรักในครอบครัว สู่การตีพิมพ์บทความลงนามเพื่อส่งเสริม "การเคารพผู้สูงอายุ" ไปจนถึงการให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้สูงอายุในยามลำบากและเจ็บป่วย ความเคารพนับถือผู้สูงอายุของนายสี จิ้นผิงนั้นมาจากใจจริงตลอดจนการปฏิบัติอย่างจริงจังมาโดยตลอด

Tim/Lei/Lu