เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ปี 2015 นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีและเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชุมชนใหม่ในเขตติ้งไห่ เมืองโจวซาน มณฑลเจ้อเจียง เขาได้เดินเข้าไปในบ้านของนายหยวน ฉีจง ชาวบ้านที่เปิดโฮมสเตย์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ นักข่าวได้เดินทางไปสัมภาษณ์หยวน ฉีจงอีกครั้ง
ครั้งที่สี จิ้นผิงก้าวเข้าสู่ลานกลางแจ้งภายในโฮมสเตย์ของหยวน ฉีจงนั้นเป็นช่วงเวลาค่ำ สี จิ้นผิงได้ตรวจดูสภาพลาน ห้องรับแขกและห้องอาหารไปพลาง สอบถามด้วยความสนใจและอารมณ์แจ่มใสไปพลาง “โฮมสเตย์เปิดมานานแค่ไหนแล้ว?” “ปกติมีแขกมาเยอะไหม?” “รายได้เท่าไหร่?”
ต่อจากนั้น สี จิ้นผิงนั่งคุยกันอย่างเป็นกันเองกับหยวน ฉีจงกับครอบครัวตลอดจนตัวแทนชาวหมู่บ้าน บรรดาชาวบ้านพากันเล่าให้สี จิ้งผิงฟังเกี่ยวกับสภาพการพัฒนาธุรกิจที่มีเอกลักษณ์ของท้องถิ่น โดยใช้ประโยชน์ความได้เปรียบทางธรรมชาติ เช่น การท่องเที่ยวในชนบท หลังจากได้ฟังแล้ว สีจิ้นผิงกล่าวว่าที่นี่เป็นบาร์ออกซิเจนธรรมชาติใหญ่ เป็น "เศรษฐกิจแห่งความสวยงาม" ซึ่งถือเป็นการยืนยันความจริงที่ว่า “น้ำใสและภูเขาเขียวก็คือภูเขาทองภูเขาเงิน”
สี จิ้นผิงบอกว่า “ตอนที่ทำงานในมณฑลเจ้อเจียงข้าพเจ้ากล่าวว่า‘น้ำใสและภูเขาเขียวก็คือภูเขาทองภูเขาเงิน’ นี่คือคำพูดที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงโดยแท้ ปัจจุบันนับวันมีคนเพิ่มมากขึ้นที่เข้าใจทัศนคตินี้ พวกเราต้องมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามแนวคิดนี้”
“น้ำใสและภูเขาเขียวก็คือภูเขาทองภูเขาเงิน” หยวน ชีจงกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า แม้ได้ผ่านพ้นไป 7 ปีแล้ว แต่คำพูดของท่านเลขาธิการใหญ่ยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขาเสมอ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาและชาวบ้านทั้งหลายต่างก็ปฏิบัติตามแนวคิดนี้อย่างจริงจัง จนนำมาซึ่งชีวิตที่ดี
ทุกวันนี้ลูกสาวสามคนและลูกสะใภ้หนึ่งคนของหยวน ฉีจงต่างได้กลายเป็นพนักงานประจำในโฮมสเตย์ ธุรกิจได้รับความนิยมมาก ครอบครัวของพวกเธอต่างได้ซื้อรถใหม่ เมื่อมีถุงเงินที่หนักขึ้น หยวน ฉีจงได้ตกแต่งลานโฮมสเตย์ใหม่ พื้นที่ห้องอาหารในร่มขยายกว้างขึ้น และได้เริ่มใช้เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารอย่างเป็นเอกภาพ ตลอดจนดัดแปลงห้องน้ำใหม่ด้วย
ไม่เพียงแต่ครอบครัวหยวน ฉีจงเท่านั้น เพื่อนบ้านของเขาหลายครอบครัวก็ได้เปิดธุรกิจโฮมสเตย์เช่นกัน สตรีอายุมากที่ทำอาชีพเป็นพนักงานบริการในหมู่บ้านสามารถทำรายได้มากกว่า 3,000 หยวนต่อเดือน
ชีวิตนับวันดีขึ้นเรื่อยๆ สภาพของหมู่บ้านก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น ถนนเล็กๆที่เดิมเต็มไปด้วยโคลนได้ปูด้วยแผ่นหิน ในบ่อน้ำได้ปลูกพืชที่สามารถปรับปรุงคุณภาพน้ำ ได้จัดวางภาชนะรองรับขยะแบบแยกประเภท ทั้งยังได้สร้างห้องน้ำสาธารณะและที่จอดรถด้วย ความตระหนักด้านสุขอนามัยของชาวบ้านได้รับการยกระดับสูงขึ้น
เมื่อสภาพแวดล้อมสวยงามขึ้น อารมณ์ความรู้สึกของผู้คนก็แจ่มใสขึ้นด้วย ในหมู่บ้านมีกิจกรรมทางวัฒนธรรมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้ก่อสร้างหอวัฒนธรรมใหม่ ภาพวาดชาวประมงและภาพวาดหินได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน ชื่อเสียงของหมู่บ้านก็ได้ดังยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในภายนอก
หยวน ฉีจงเห็นว่านี่ก็คือ "เศรษฐกิจแห่งความสวยงาม" ที่ได้รับการส่งเสริมจากท่านเลขาธิการใหญ่ เขาคาดหวังว่าท่านเลขาธิการใหญ่สักวันหนึ่งจะไปนั่งอยู่ในบ้านของเขาอีกครั้ง และเยี่ยมชมการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่นั่น เขากล่าวทิ้งท้ายว่า" ผมอยากจะพูดคำหนึ่งกับท่านเลขาธิการใหญ่ – เชื่อฟังคําพูดของท่าน มุ่งไปสู่ 'เศรษฐกิจแห่งความสวยงาม' พวกเรายิ่งทํางานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีกำลังใจมากขึ้นเท่านั้น!"
YIM/LU