“Digital Silk Road” (DSR) หรือ เส้นทางสายไหมดิจิทัล เปิดตัวอย่างเป็นทางการโดย “สมุดปกขาว” (White Paper) ของรัฐบาลจีน หรือ รายงานทางการจากสำนักงานสารนิเทศแห่งคณะรัฐมนตรีจีน (国务院新闻办公室) ซึ่งเผยแพร่อย่างเป็นทางการในปี 2015 สมุดปกขาวฉบับนี้เป็นประกาศสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นนโยบายของฝ่ายจีนต่อการประเมินสถานการณ์ทางด้านเทคโนโลยีในโลกดิจิทัลของประชาคมโลก
นโยบาย “เส้นทางสายไหมดิจิทัล” เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative : BRI) ซึ่งประกอบด้วยความเชื่องโยงหลายมิติ ได้แก่ (1) ความเชื่อมโยงของโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่งกับนานาประเทศ เช่น เส้นทางรถไฟอี้อู-ลอนดอน (Yiwu-London railway) ระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน (China-Pakistan Economic Corridor) ท่าเรือน้ำลึกฮัมบานโตตา ประเทศศรีลังกา (Hambantota port) และ “รถไฟจีน-ลาว” (China-Laos railway) ที่เปรียบเหมือนระบบกระดูกของมนุษย์ (Human Bones & Skeletal System) (2) ความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานกับนานาประเทศ เช่น ท่อส่งก๊าซจีน-รัสเซีย (China & Russia's Gas Pipeline Project) โครงการไฟฟ้าพลังน้ำร่วมจีน-ปากีสถาน (China-Pakistan joint Hydropower Project) โครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ เซวานตอนล่างในประเทศกัมพูชา (The Lower Sesan 2 (LS2) dam is a Hydropower Project) และโครงการท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจีน-พม่า (China-Myanmar joint oil and gas Pipeline Project) ที่เปรียบเหมือนระบบโครงสร้างของเส้นเลือดที่ไหลเวียนในร่างกายของมนุษย์ (Circulatory System in Human) (3) ความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมและโครงสร้างดิจิทัล เช่น โครงการไฟเบอร์ออปติกปากีสถาน-จีน (Pakistan-China – Fiber Optic Project) ความร่วมมือจีน-ชาติอาหรับ (China-Arab States cooperation Forum หรือ CASCF) และ ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank หรือ AIIB) ที่เปรียบเหมือนระบบประสาทของมนุษย์ (Human Nervous System)
“การปักหมุดด้านดิจิทัล” ของนโยบายเส้นทางสายไหมดิจิทัล (DSR) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) เรียกว่าคือ “ความฝันของชาวจีน” (Chinese Dream /中国梦) ในการผลักดันการฟื้นฟูครั้งใหญ่แห่งประชาชาติจีน (The Chinese Dream of Great National Rejuvenation /中华民族伟大复兴) ซึ่งเห็นได้ชัดเจนในชีวิตประจำวันของประชากรยุคเทคโนโลยี 5G หรือ เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ที่กล่าวได้ว่าอุปกรณ์และสิ่งต่าง ๆ ได้ถูกเชื่อมโยงสู่โลกอินเตอร์เน็ต ทั้งเรื่องการเก็บข้อมูล Big Data ที่แม่นยำและเป็นปัจจุบัน การเชื่อมต่อของ IoT ถือเป็นตัวกำหนดการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจในอนาคตส่งผลต่อการค้าและการดำเนินชีวิตทั่วโลก เห็นได้จากการเดินสายเคเบิลใยแก้วนำแสง การจัดทำอุปกรณ์เครือข่าย โครงการที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมอวกาศ แผนพัฒนาเทคโนโลยี 5G ศูนย์ข้อมูลและการวิจัยโครงการเมืองอัจฉริยะ (Smart City) แพลตฟอร์ม e-Commerce ตลอดจนการเปลี่ยนพฤติกรรมประชาชนให้สามารถชำระเงินผ่านระบบ e-Payment เกือบทั่วประเทศโลก ซึ่งจีนให้ความช่วยเหลือด้านเส้นทางสายไหมดิจิทัลมุ่งสู่การปรับปรุงเครือข่ายโทรคมนาคมของผู้ใช้บริการ ยังให้การสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยีจีนที่มีชื่อเสียง เช่น Baidu, Alibaba, Tencent และ Huawei ขยายตลาดออกมานอกประเทศจีน ภายใต้เทคโนโลยีที่มีความสำคัญกับการลงทุน ได้แก่ ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) คลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) และสิ่งที่น่าสนใจในช่วงยุค “New normal” ของโรคระบาดไร้พรมแดน COVID-19 ที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 ทำให้ทุกคนต้องเว้นระยะห่างในการใช้ชีวิต การเดินทางไปในสถานที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะระหว่างประเทศมีความลำบากมากขึ้น อุปสรรคเหล่านี้เองที่ทำให้ China Social Media Marketing เติบโตขึ้น ระบบออนไลน์การซื้อขายสินค้าของจีน ผ่านแพลตฟอร์ม e-Commerce ที่มีอยู่หลากหลายในจีนไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการอย่าง Tmall, JD.com หรือ Taobao ต่างก็ขับเคี่ยวและแข่งขันกันอย่างน่าสนใจ ซึ่งทำให้จำนวนผู้ใช้งานด้าน e-Commerce เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 610 ล้านคนในปี 2018 เพิ่มเป็น 749 ล้านคนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 อีกทั้ง“WeChat” แอปพลิเคชันยอดนิยมที่ให้บริการติดต่อสื่อสารมัลติมีเดียและสังคมออนไลน์อยู่ในชีวิตประจำวันของคนจีนทุกจังหวะนาที มีการใช้งานได้ทั้งบนแพลตฟอร์มของ iPhone, Android และ Windows ได้เชื่อมต่อสู่เครือข่ายสังคม (Social Network Integration) ทำให้มีจำนวนผู้ใช้บริการจากประเทศต่าง ๆ ที่ต้องการสื่อสารกับคนจีนมีจำนวนมากขึ้น
โครงการเส้นทางสายไหมดิจิทัลนอกจากจะเป็นการสร้างนวัตกรรมให้กับโลกที่เชื่อมโยงประเทศต่าง ๆ เข้าด้วยกันภายใต้เทคโนโลยีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ที่กำลังมีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวันของมนุษย์โลก รวมถึงบริษัทดิจิทัลชั้นนำของจีนที่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจยุคดิจิทัล คือ
กลุ่มนวัตกรรมเศรษฐกิจดิจิทัล Digital Economy Innovative Enterprises |
กลุ่มนวัตกรรมซอฟต์แวร์ของจีน Chinese Innovative Software Enterprises |
กลุ่มบริษัทอินเทอร์เน็ตจีน Chinese Internet Companies |
Huawei (华为) |
Inspur (浪潮) |
Alibaba (阿里巴巴) |
Tsinghua Unigroup (紫光集团) |
Xiaomi (小马智行科技) |
Tencent (腾讯公司) |
Haier (海尔) |
iFlytek (科大讯飞) |
Baidu (百度) |
Hikvision (海康威视) |
Hikvision (海康威视) |
JD.com (京东) |
Midea (美的) |
Horizon Robotics (地平线科技) |
Ant Financial (蚂蚁金服) |
เส้นทางการเติบโตสู่ผู้นำด้านเทคโนโลยีจีนจึงไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายของจีน เพราะความตั้งใจที่เดินหน้าการวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจังของรัฐบาลจีนเรื่อง เส้นทางสายไหมทางดิจิทัล (DSR) เป็นเป้าหมายของจีนในการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อเชื่อมต่อกับประเทศต่าง ๆ ด้วย ยุทธศาสตร์การหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ที่นอกจากเชื่อมโยงเศรษฐกิจของทวีปเอเชีย ยุโรป และแอฟริกาเข้าด้วยกัน ทั้งเส้นทางสายไหมทางบก (Silk Road Economic Belt : One Belt) และเส้นทางสายไหมทางทะเล (Maritime Silk Road : One Road) จีนในฐานะที่เคยเป็นผู้ตามเทคโนโลยีแต่ทันทีที่จีนพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่าย 5G แบบสแตนด์อโลน (stand-alone 5G network) ได้สำเร็จ และจีนได้ทดลองใช้เป็นประเทศแรก ๆ ของโลก ภาพลักษณ์ใหม่ของจีนกลายเป็นมหาอำนาจผู้นำด้านเทคโนโลยี ประชากรของจีนเป็นกลุ่มประชากรดิจิทัลมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี
ในฟอรั่มความร่วมมือระหว่างประเทศ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2017 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังกล่าวไว้ว่า จีนจะสร้าง“Digital Silk Road” เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศตามแนวคิดยุทธศาสตร์ Belt and Road Initiative โดยมุ่งเน้นที่เศรษฐกิจดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ นาโนเทคโนโลยี เทคโนโลยีควอนตั้ม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดเส้นทางสายไหมทางดิจิทัล ได้แก่ เคเบิลออปติกทางบกและใต้ทะเล ระบบดาวเทียมสำรวจและสื่อสาร การติดต่อสื่อสารผ่านระบบ 5G เทคโนโลยีดิจิทัลหรือแอปพลิเคชั่นใหม่ ๆ ทำให้การสร้างความเป็นอุตสาหกรรมเชิงดิจิทัล (Digital Industrialization) และการสร้างความเป็นดิจิทัลให้แก่อุตสาหกรรม (Industry Digitalization) ในอนาคตเติบโตตามนโยบายเส้นทางสายไหมดิจิทัลที่จะยกระดับความร่วมมือในมิติของเศรษฐกิจดิจิทัล ภูมิรัฐศาสตร์ และระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
อ.ดร.ชาดา เตรียมวิทยา
อาจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาจีน ภาควิชาภาษาจีนเพื่ออุตสาหกรรม คณะศิลปศาสตร์
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
และ
รักษาการแทนผู้ช่วยอธิการ 42 บางกอก สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง