เก่าเล่าไป ใหม่บอกมา:70 ปีซีอาร์ไอกับคำอวยพรผู้ใหญ่ในวันเกิด
  2011-12-06 20:01:27  cri

สถานีวิทยุซีอาร์ไอเริ่มก่อตั้งขึ้นในวันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ. 1941 นับถึงวันนี้อายุอานามก็ปาเข้าไปร่วม 70 ปีแล้ว หากเทียบกับคนก็ถือเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ที่ลูกหลานต่างให้ความเคารพนับถือ และเดินทางมาร่วมฉลองแสดงความยินดีในวันเกิด โดยคำอวยพรที่ชาวจีนนิยมกล่าวอย่างแพร่หลายนั้นคือ "ฝูหยูตงไห่ฉางหลิวสุ่ย โซ่วปี่หนานซานปู้เหล่าซง" ซึ่งหมายความถึง ขอให้มีความสุขไหลหลั่งมาจากทุกทิศทุกทางไม่ขาดสายดั่งทะเลตะวันออก และให้มีอายุมั่นขวัญยืนเขียวสดตลอดไปดั่งต้นสนภูเขาใต้

โดยตำนานเกี่ยวกับทะเลตงไห่นั้นมีอยู่ว่า ในอดีตจีนโบราณมีคราวหนึ่งเกิดอาเพศใหญ่หลวง ฟ้าฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลติดต่อกันนานหลายเดือน ทุกหนแห่งแห้งแล้งเหลือคณา บ่อน้ำแห้งขอด ผินดินแตกระแหง พืชผลไร่นาสูญเสียไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ ชาวเมืองตอนใต้เขตหย๋าเสี้ยน(เมืองซานย่า เกาะไหหลำในปัจจุบัน) ต่างอดอยากหิวกระหายอย่างสุดแสน คุกเข่าวิงวอนต่อเทพยดาฟ้าดินได้โปรดประทานเม็ดฝนให้ตกลงมาช่วยดับทุกข์ในเร็วพลัน

อาฟู่ หนุ่มจิตใจงามชาวหมู่บ้านลู่หุยโถว โดยปกติจะออกทะเลจับปลาเอากลับมาแบ่งปันให้ชาวบ้านอยู่เสมอๆ แต่ปรากฎว่าปีนั้นไม่ว่าจะออกทะเลไปจับปลาที่ไหนก็ไม่ได้ติดไม้ติดมือกลับมาเลย จะมีก็แต่ต้องไปที่ทะเลตะวันออกเท่านั้น อยู่มาวันหนึ่งอาฟู่ไปที่ทะเลตะวันออกอีกเช่นเคย คราวนี้ได้ปลาตัวใหญ่ยักษ์กลับมา พอกลับถึงหมู่บ้านก็จัดการแล่ปลาออกเป็นชิ้นๆ แจกจ่ายให้แก่ชาวบ้าน และเหลือส่วนหัวปลาเล็กน้อยไว้ให้ตัวเอง ขณะที่เขากำลังตั้งน้ำจะต้มหัวปลากินนั้น มียายเฒ่าผมหงอกขาวทั้งหัว หน้าตาเหี่ยวย่น สวมเสื้อผ้าเก่าขาด เนื้อตัวเหม็นสกปรกปรากฎตัวขึ้น อาฟู่เห็นเข้าก็ไม่นึกรังเกียจ รีบเชื้อเชิญให้นั่งพร้อมบอกว่าเมื่อต้มหัวปลาสุกเรียบร้อยดีแล้วจะนำมาให้รับประทาน หญิงชราได้ฟังกลับตอบว่า ตนนั้นไม่มีอาหารตกถึงท้องมาสามวันสามคืนแล้ว หิวเป็นที่สุดหากจะขอกินทั้งสดๆ เดี๋ยวนี้เลยจะได้ไหม อาฟู่ได้ยินก็ไม่รั้งรอ จัดแจงยื่นหัวปลาให้เร็วพลัน หญิงชราก็รับมาทานอย่างหิวโหย พอหมดเรียบร้อยก็คุกเข่าลงคำนับในความการุณย์มีใจอารีของอาฟู่ที่ช่วยเหลือ

อาฟู่เห็นรีบตรงเข้าพยุง แล้วจู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนโชยมาแตะจมูก พอเขาเงยหน้าขึ้นเท่านั้น บุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับแปรเปลี่ยนเป็นสาวงามดุจเทพธิดา เธอกล่าวแนะนำตนเองกับอาฟูที่ยืนตะลึงมองตาค้างว่า ตนชื่อ อาเหม่ย เป็นธิดาองค์ที่สามของจ้าวมังกรแห่งทะเลตะวันออก ต้องการมาแจ้งว่าตอนนี้โลกมนุษย์ประสบภัยแล้ง ขอเพียงแต่เป็นคนดีมีจิตใจงาม หากได้ไปดื่มน้ำจากทะเลตะวันออกสามอึกกลับมา จะคิดทำการใดก็จะสัมฤทธิ์ผลได้ด้วยดี

อาฟู่ได้ทำตามอย่างอาเหม่ยว่า พอกลับไปถึงที่นาก็คุกเข่าลงบนพื้นและใช้สองมือขุดดิน ก็กลับมีน้ำใสสะอาดผุดขึ้นทันที อาฟู่รีบก้มลงดื่มและรู้สึกได้ว่าน้ำนั้นทั้งหอมทั้งหวาน เขาพูดว่า หากร่องน้ำที่ขุดนี้เปลี่ยนเป็นแม่น้ำหนึ่งสายได้ก็คงดีไม่น้อย พวกชาวบ้านจะได้พ้นทุกข์กันเสียที พอสิ้นคำฉับพลันปรากฎสายน้ำสายยาวขึ้นตรงหน้า อาฟู่ดีใจกระโดดโลดเต้นวิ่งร้องตะโกนบอกข่าวแก่ผู้คนในหมู่บ้าน และเมื่อใครถามถึงที่มาเขาก็บอกไปตามจริง และแล้วการดื่มน้ำทะเลตะวันออกสามอึก ช่วยให้ราบรื่นสมหวังดังจิตได้ ก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วและกลายเป็นที่ของคำกล่าวที่ว่า "สุขไหลหลั่งดุจดั่งทะเลตะวันออก"

ส่วนสำนวนจีนที่ว่า "อายุยืนยาวดุจดั่งขุนเขาใต้" มีตำนานหนึ่งเล่าว่า ในอดีตเมื่อนานแสนนานมาแล้ว(อีกเช่นเคย) ฉงโจวเกิดอาเพศใหญ่ ท้องฟ้ามืดครึ้มและมีฝนตกฟ้าร้องติดต่อกันนานถึง 7 วัน 7 คืน พอวันที่แปดปรากฎเสียงดังลั่นสนั่นหวั่นไหว แล้วผืนดินก็แยกออกจากกัน ทำให้ฉงโจวแยกหลุดออกจากจีนผืนแผ่นดินใหญ่ เกิดเป็นเกาะกลางทะเล (เกาะไหหลำ ในปัจจุบัน) และเพราะจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ผู้คนและสัตว์น้อยใหญ่ต่างล้มเจ็บและตายไปไม่น้อย บางแม่น้ำและภูเขาก็ถึงกับเปลี่ยนทิศหรือสูญหายไปเลย แต่เป็นที่น่าประหลาดใจ คือ มีเพียงภูเขาด้านใต้เท่านั้นที่สงบเป็นปกติดี แม้ต้นหญ้าสักต้นก็ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย ผู้คนที่อาศํยอยู่บนเขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งว่ากันว่าผู้คนบนเขาใต้ ภายหลังจากภัยพิบัติครั้งนั้นแล้ว ต่างมีอายุยืนนานนับเป็นร้อยร้อยปี และได้เป็นเซียนในที่สุด

อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า ในราวค.ศ.748 พระอาจารย์เจี้ยนเจิน พระสงฆ์สมัยราชวงศ์ถังพร้อมลูกศิษย์ราวสามสิบห้าคน เตรียมพร้อมออกเดินเรือจากเมืองหยางโจว (มณฑลเจียงซู) เพื่อมุ่งหน้าไปเผยแผ่พุทธศาสนาที่ญี่ปุ่น แต่ปรากฎว่าการออกเดินทางครั้งที่ห้านี้ ต้องผจญกับพายุไต้ฝุ่นที่โหมกระหน่ำ ทำให้ต้องลอยอยู่ในทะเลเป็นนาน คิดเป็นระยะทางก็นับหมื่นลี้จนถึงเจิ้นโจว(เมืองซานย่า เกาะไหหลำในปัจจุบัน) แต่ละคนต่างหมดเรี่ยวสูญแรง แต่พอได้ขึ้นฝั่งเหยียบผืนดินแห่งเขาใต้บนเกาะแห่งนี้แล้ว ก็กลับฟื้นคืนแรงได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนเป็นที่กล่าวขานกันไปปากต่อปากว่า ภูเขาใต้นี้เป็นเขาเซียน คนป่วยไปถึงก็จะพลันหายโรค คนที่แข็งแรงก็จะอายุยืนยาว

ซึ่งอาหารมงคลที่ชาวจีนในอดีตและปัจจุบันนิยมรับประทานกันในวันเกิดนั้น คือ "ฉางโซ่วเมี่ยน" หรือหมี่อายุยืน โดยมีตำนานเล่าสืบต่อกันมาอีกว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งในงานเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ฮั่นอู่ตี้ พ่อครัวหลวงหวังสร้างความพิเศษให้เป็นที่สำราญแก่พระองค์ แล้วก็มาปิ๊งที่ทำอาหารเส้นออกเสิร์ฟรับรองแขกที่มาร่วมงาน ฮ่องเต้ฮั่นอู่ตี้พอทอดพระเนตรเห็นกลับทรงพิโรธยิ่ง เพราะตนเป็นถึงโอรสสวรรค์ ฉลองวันเกิดทั้งที ทำไมถึงทำเป็นก๊วยเตี๋ยวอาหารธรรมดา บ้านๆ อย่างนี้

พ่อครัวหลวงเห็นพระองค์ไม่ทรงสบอารมณ์ ก็หน้าซีดตัวสั่น กลัวหัวจะหลุดจากบ่าคิดทำการใดไม่ถูก เคราะห์ดีมี ตงฟางซั่ว ขุนนางคนฉลาดเอ่ยแก้ให้ว่า "น่าปีติเปรมปรีด์เป็นที่ยิ่ง ขอพระองค์จงทรงพระเจริญหมื่นๆ ปี" ฮ่องเต้ฮั่นอู่ตี้ได้ฟังยังคงมีอารมณ์ขุ่นเคืองไม่เปลี่ยน ตงฟางซั่วไม่หวั่นพลันทูลต่อว่า "พระหมื่นปีอาจไม่ทรงทราบว่า "เผิงจู่" ผู้เป็นตำนานมีอายุยืนยาวถึงแปดร้อยปีได้นั้น เป็นเพราะท่านมีใบหน้าที่ยาว…ว (คำว่า เมี่ยน ในภาษาจีนหมายถึง เส้นก๊วยเตี๋ยวหรือใบหน้าก็ได้) หากพระองค์ทรงพินิจดูให้ดีก็จะเห็นว่าเส้นหมี่ในชามนี้ทั้งละเอียดและยาว ยาวกว่าใบหน้าของเผิงจู่ไม่รู้เท่าไหร่"

ฮ่องเต้ฮั่นอู่ตี้เมื่อได้ยินการตีความไปในทางดีอย่างนี้ก็ทรงเบิกบานพระทัยยิ่ง และนับแต่นั้นการรับประทาน "หมี่อายุยืน" ในวันเกิดก็ถือเป็นธรรมเนียมนิยมที่ยึดถือสืบต่อกันเรื่อยมาของชาวจีน


เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040