เมื่อเร็วๆ นี้ นายหม่า หมิงเฉียง เลขาธิการศูนย์จีน-อาเซียนให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ในช่วงกว่า 20 ปีตั้งแต่จีนกับอาเซียนสร้างกลไกการเจรจาอย่างเป็นมิตรเป็นต้นมา การค้าระหว่างสองฝ่ายเติบโตขึ้นด้วยอัตราเฉลี่ย 25% ต่อปี แสดงว่า สินค้าของจีนและอาเซียนมีการเกื้อกูลกันอย่างมาก ซึ่งเป็นโอกาสทางการค้าอันใหญ่หลวงสำหรับวิสาหกิจทั้งสองฝ่าย
นายหม่า หมินเฉียงกล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้แรงขับเคลื่อนการค้าระหว่างจีนกับอาเซียนเติบโตขึ้นมี 4 ประการ ประการแรกคือเศรษฐกิจของจีนและอาเซียนต่างกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และเป็นที่ต้องการของตลาดภายนอกมากขึ้นด้วย ประการที่ 2 คือการสร้างเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนขึ้นนั้น ทำให้เศรษฐกิจจีนและอาเซียนเกื้อกูลกันอย่างมาก จีนต้องการผลิตภัณฑ์เครื่องจักรไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ น้ำมันปาล์ม ยางพารา แก็สน้ำมันจากอาเซียน ส่วนอาเซียนต้องการนำเข้าผลิตภัณฑ์เครื่องจักรไฟฟ้า ของใช้ประจำวัน และวัสดุสิ่งทอจำนวนมากจากจีน ปัจจุบัน สองฝ่ายต่างเป็นส่วนสำคัญในองค์ประกอบของเศรษฐกิจโลกและห่วงโซ่อุตสาหกรรมระหว่างประเทศ ประการที่ 3 คือความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ดีระหว่างจีนกับอาเซียน และกลไกความร่วมมือทุกระดับที่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นหลักประกันทางการเมืองและกลไกต่อการค้าระหว่างสองฝ่าย ทำให้การค้าระหว่างกันสามารถดำเนินไปอย่างราบรื่น ประการที่ 4 คือ การเชื่อมต่อกันทางน้ำ ทางบกระหว่างจีนกับอาเซียน ได้อำนวยความสะดวกแก่การค้าระหว่างสองฝ่าย
นายหม่า หมิงเฉียงกล่าวอีกว่า ในขณะที่เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนตั้งขึ้นเมื่อเดือนมกราคมปี 2010 ภาคธุรกิจของประเทศสมาชิกอาเซียนเคยกังวลว่า ภายใต้เบื้องหลัง " ภาษีเป็นศูนย์" นั้น ธุรกิจบางสาขาของอาเซียนอาจจะล่มสลาย แต่สองปีมานี้ แม้ว่าองค์ประกอบทางเศรษฐกิจสำคัญต่างๆ ทั่วโลกตกอยู่ในภาวะถดถอยก็ตาม แต่การค้าภายในเขตการค้าเสรีกลับเพิ่มขึ้น จึงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ให้พัฒนาอย่างรวดเร็ว เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนไม่เพียงแต่ได้ผ่านการทดสอบจากวิกฤตการเงินโลกเท่านั้น หากยังพิสูจน์ให้เป็นว่า ผู้นำของประเทศที่เกี่ยวข้องมีวิสัยทัศน์ยาวไกล
In/Lr