แฟนต้าฯพาไปคุย:Mr.HaoYun & Mrs.ShanShan "ฉันอยากไปเมืองไทย"
  2012-04-20 17:26:10  cri

听说过 那里有很多水果 เคยได้ยิน ที่นั่นมีผลไม้มากมาย

听说过 那里有很多摩托 เคยได้ยิน ที่นั่นมีมอเตอร์ไซค์เยอะแยะ

听说过 那里有很多坚果儿 เคยได้ยิน ที่นั่นมีสาวสวยเต็มไปหมด

没见过 那里著名的妖魔 ไม่เคยเห็น สิ่งยวนใจ(สาวประเภทสอง)อันลือเลื่องของที่นั่น

我要去泰国 寻找我的快乐 ฉันอยากไปเมืองไทย ตามหาความสุขของฉัน

我要去泰国 唱着我的歌 ฉันอยากไปเมืองไทย ขับขานบทเพลงของฉัน

跟着我 我带你逛逛泰国 ตามฉันมา ฉันจะพาเธอเที่ยวชมเมืองไทย

跟着我 我替你吃些水果 ตามฉันมา ฉันจะลิ้มรสผลไม้เหล่านั้นให้

跟着我 我带你烧香拜佛 ตามฉันมา ฉันจะพาเธอจุดธูปไหว้พระ

跟着我 放松你的生活 ตามฉันมา ผ่อนคลายชีวิตของเธอซะ

我要去泰国 寻找我的快乐 ฉันอยากไปเมืองไทย ตามหาความสุขของฉัน

我要去泰国 唱着我的歌 ฉันอยากไปเมืองไทย ขับขานบทเพลงของฉัน

และนี่คือบทเพลง "หว่อเย่าชวี่ไท่กั๋ว 我要去泰国 (ฉันอยากไปเมืองไทย) ที่แต่งเนื้อร้องทำนองและขับร้องโดย ห่าวอวิ๋น(郝云) นักร้องโฟลค์ซองชื่อดังของปักกิ่ง สังกัดค่ายเพลงยูเอ็มจี (Universal Music Group) ซึ่งเขาได้แต่งบทเพลงนี้ขึ้นในปี 2006 และเป็นหนึ่งแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เขาและภรรยาสาว หวังซานซาน (王珊珊) ตัดสินใจเลือกเมืองไทยเป็นที่ฮันนีมูนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ภายหลังแต่งงานกันในปี 2007

"เพราะมีโอกาสเขียนเพลง "ฉันอยากไปเมืองไทย" ขึ้น คือ เพื่อนไปถ่ายทำรายการท่องเที่ยวเกี่ยวกับเมืองไทยมาแล้วก็ต้องการให้แต่งเพลงให้ เราไม่เคยไปก็หาหนังสืออ่านดูข่าวดูโทรทัศน์หาอินเตอร์เน็ตอะไรต่างๆ เพื่อเอามาเป็นข้อมูลในการแต่งเพลง เพื่อนที่เคยไปมาเล่าให้ฟังว่าสนุกอย่างนั้นอย่างนี้ เราได้ฟังก็ยิ่งนึกสนใจ คิดว่ามีโอกาสต้องไปเที่ยวให้เห็นกับตา ไปสัมผัสบรรยากาศจริงให้ได้"

ทั้งคู่เล่าว่าไปเที่ยวเมืองไทยช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน นานประมาณครึ่งเดือน เที่ยวกรุงเทพฯ พัทยา และตลาดน้ำดำเนินสะดวก โดยรู้สึกประทับมากๆ บอกว่าที่สนุกสุดๆ คือ เดินเที่ยวตลาดนัดจตุจักร เพราะมีของน่าสนใจให้เดินดูเดินซื้อเยอะ "รู้สึกใหญ่มาก พวกเรานั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไป เดินกันครึ่งค่อนวัน เดินได้แค่สองล๊อคเท่านั้น บรรยากาศก็โอเคดีไม่แออัดเบียดเสียด เห็นของอะไรก็รู้สึกน่าซื้อน่าดูไปหมด รู้สึกว่าเวลาน้อยไปยังเดินได้ไม่ทั่ว มีอยู่ร้านนึงเจ้าของร้านเป็นผู้หญิงใจดีมากเลย คือ ซานซาน เดินเท้าแพลง เถ้าแก่เนี้ยก็ไปขอยามาฉีดให้ คนไทยใจดีมาก ไม่ใช่ว่าเราไปซื้อของที่ร้านเค้าแล้วถึงใจดีด้วย เราแค่เผอิญเดินเดินแล้วเกิดข้อเท้าแพลงขึ้นตรงร้าน คนไทยก็มีน้ำใจช่วยเหลืออย่างดี

แล้วมีอีกครั้ง คือ ตอนเที่ยวพัทยาเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่ ขาซานซานโดนท่อไอเสีย เลยจอดรถข้างทางแล้วก็คิดจะหาน้ำแข็งมาประคบให้ ก็มีสองหนุ่มไทยขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมา พอเห็นเหตุการณ์ก็จอดถามไถ่ คือ ขี่เลยไปแล้วนะ แต่เห็นพวกเรามีปัญหาก็ยังวกรถขี่ย้อนกลับมาถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า คือคงเห็นพวกเราหันรีหันขวางกันอยู่ พวกเค้าก็ไม่แน่ใจว่าเรามาจอดรถข้างทางนี่แค่พักหรือมีปัญหาติดขัดอะไรยังไง ก็แวะถามไถ่ดู พอเราบอกไม่เป็นไรเดี๋ยวเอาน้ำแข็งประคบได้อะไรได้ เค้าถึงได้จากไป คือ เรามองตาดูก็รู้ว่าคนนี้มาแบบประสงค์ดีหรือมีอะไรแอบแฝง รู้สึกเลยว่าคนไทยนี่ถ้ามองตากันแล้วก็จะยิ้มแย้มเป็นมิตรให้ ไม่ใช่ว่ามองแล้วอีกฝ่ายคิดว่าเรามองหน้าหาเรื่องมีเคืองกันอีก"

(ซ้าย) "เมืองไทยข้างนอกร้อน พอเข้ามาในร่มนี่ก็หนาวเกิน อย่างตอนนั่งรถโดยสารปรับอากาศไปเที่ยว

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก บนรถมีแค่เราสองคน แล้วเพื่อนคนไทยอีกคน แอร์บนรถนี่เปิดหนาวมาก...ก"

(ขวา) "ที่พัทยาเราเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวกัน โดนตำรวจเรียกปรับสามครั้ง เพราะไม่ยอมใส่หมวกกันน๊อค (ฮา)"

นอกจากจะประทับใจในมิตรภาพที่คนไทยมีให้อย่างดีแล้ว อาหารไทยทั้งคู่ก็ชอบมากไม่แพ้กัน บอกทานได้ถูกปากอร่อยไปเสียหมดทุกอย่าง และไม่น่าเชื่อว่าใบโหระพาเป็นของโปรดของทั้งคู่ "ที่บ้านเกิดพวกเรา(มณฑลเหอหนาน)มีใบโหระพา เราทานกับก๋วยเตี๋ยวกับแตงกวา ทานเป็นผักแกล้ม ที่ปักกิ่งไม่มี" และก่อนไป ห่าวอวิ๋น คิดว่าอาหารไทยคงไม่ถูกปากคงทานอะไรได้ไม่ค่อยเยอะ กลับมาต้องน้ำหนักลดผอมหล่อได้ดั่งใจแน่ๆ

"อาหารไทยตอนอยู่ปักกิ่งเราไม่เคยไปทานกันมาก่อนเลย คิดว่าไปเที่ยวคราวนี้คงได้ลดน้ำหนักกลับมาแน่ แต่กลายเป็นว่าอาหารไทยอร่อยมาก มีสั่งก๊วยเตี๋ยวเส้นหมี่น้ำทาน อร่อยมาก เบิ้ลกันคนละสองชามเลย แล้วอย่างทุเรียนนี่ตอนอยู่ที่จีนไม่เคยคิดอยากจะกินเลย รู้สึกว่าเหม็น แต่ไปถึงไทยแล้ว อะโห…หอมอร่อยเชียว กลายเป็นไม่มีอะไรไม่อร่อย กลับมาน้ำหนักขึ้นอ้วนกว่าเดิมอีก (ฮา)"

 ซานซาน: "เห็นอะไรเป็นอยากทานไปหมดเลย ผลไม้นี่กินไม่ยั้ง อย่างเห็นรถเข็นขายผลไม้ข้างทางก็ซื้อ

คือดูแล้วไม่รู้สึกว่าเป็นของข้างทางไม่สะอาดอะไร"

ห่าวอวิ๋น: "ตอนไปเที่ยวไชน่าทาวน์เพื่อนพาไปทานข้าวร้านนึง มีหมูทอดมีกับข้าวอะไรต่างๆ

เป็นร้านเล็กๆ เพื่อนคนจีนบอกว่าร้านนี้ขายกันมาเก่าแก่

ขายกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวดกันเลย เพราะฉะนั้นรับประกันได้ว่าปลอดภัย

 ไม่ใช่ว่าวันนี้ขายพรุ่งนี้ปิดร้านย้ายไปไหนไม่รู้หากันไม่เจอแล้ว

และถึงแม้ว่าจะเป็นรถเข็นขายของแต่ว่าดูแล้วรู้สึกวางใจ"

การไปเที่ยวไทยครั้งนี้รู้สึกประทับใจและราบรื่นดี รู้สึกว่าคนไทยเป็นมิตรและพูดภาษาอังกฤษกันได้ดีเลยไม่มีปัญหาติดขัดอะไรเท่าไหร่ "อย่างเราเรียกแท๊กซี่คันแรก คุยกันถูกคอคนขับแท๊กซี่เปิดคาราโอเกะร้องเพลงไทยโชว์ให้ฟังถึงสี่เพลงเลย ตอนลงก็เลยไม่เอาเงินทอนค่ารถถือเป็นทิปพิเศษให้ไปเลย รู้สึกว่าเค้าน่ารักมาก ตอนนั่งไปมีอยู่ช่วงหนึ่งเห็นเด็กนักเรียนจะเดินข้ามถนนคนขับก็หยุดรถให้ทันทีไม่มีทำเมิน เทียบกันแล้วรู้สึกว่าคนไทยได้รับการอบรมในเรื่องนี้ดีกว่ามาก"

ซึ่งทั้งสองต่างยืนยันว่าเมืองไทยดีที่เที่ยวเยอะและสนุกมาก ถ้าจะให้เล่าถึงประสบการณ์ชวนให้รู้สึกขัดข้องบ้างก็มีอยู่นิดนึงที่ว่า "เราเรียกรถแท๊กซี่คันนึงจากโรงแรมที่พักจะไปไหว้พระพรหมที่สี่แยกเอราวัณ จากตรงนั้นจริงๆ แล้วไม่ไกลค่าแท๊กซี่ประมาณแค่ 40 บาทได้ แต่แท๊กซี่คันนั้นเราเรียกแล้วบอกค่ารถ 150 บาท เราสองคนก็เห็นว่าแพงเกิน (ไม่มีกดมิเตอร์?) ใช่ไม่มี เรานั่งมาได้สักครู่แล้ว พอบอกเอาแพงอย่างนี้เราไม่ไปขอลง เค้าก็โอเคให้ลง เราก็ลงเรียกคันใหม่ คือ เค้าก็ยังดีที่ว่าพอเราไม่โอเคเค้าก็จอดให้ลง ไม่มีข่มขู่ ไม่ให้ไม่ได้"

และทั้งสองคนต่างคิดเหมือนกันว่าการไปเที่ยวครั้งนี้เที่ยวอย่างสนุกและคุ้มค่ากว่าที่คิดไว้เเสียอีก เพราะข้าวของเครื่องใช้ ของแบรนด์เนมอะไรก็ถูกกว่าที่ปักกิ่ง "คือรู้สึกว่าเป็นราคาที่คนทั่วไปสามารถซื้อหาได้ ปักกิ่งนี่แพงมาก แล้วเราไปก็ไม่ได้วางแผนอะไรให้ยุ่งยากนัก เห็นที่ไหนน่าไปก็ไป อย่างพัทยาเป็นเมืองที่เปิด ให้ความรู้สึกสบายได้ไปพักผ่อน พออยู่พัทยาสนุกก็อยู่นานหน่อย เราแค่มีตั๋วเครื่องบินกำหนดวันเดินทางไปกลับไว้แน่นอนแค่นั้น"

ของที่ระลึกต่างๆ จากไทย และด้วยความที่ ซานซาน เป็นอาจารย์สอนศิลปะการเต้นรำอยู่

เธอจึงรู้สึกชอบเป็นพิเศษกับภาพนางรำที่ซื้อมา "นางรำหน้าสวยหวาน เครื่องแต่งกายและท่วงท่า

ที่อ่อนช้อยให้ความรู้สึกสวยงามและชวนให้นึกถึงเมืองไทยได้ทุกครั้งที่มอง"

และเพราะความสนุกและประทับใจจากการไปเที่ยวเมืองไทยในครั้งแรกนี้ ที่ทั้งคู่พูดย้ำไม่ขาดปากมาตั้งแต่ต้นจนจบ ทำให้ทั้งคู่ตั้งเป้าไว้ว่าถ้ามีโอกาสไปเที่ยวเมืองไทยอีกอยากจะไปเที่ยวเชียงใหม่ดูบ้าง "รู้สึกว่าที่นั่นให้ความรู้สึกสงบ อากาศดี อย่างเติ้งลี่จวิน邓丽君ก็ไปพักผ่อนที่นั่น ได้สัมผัสบรรยากาศอีกแบบที่ต่างจากทะเล" ซึ่งเราต่างเชื่อว่าเมืองไทยและคนไทยพร้อมต้อนรับและจะสร้างความประทับใจใหม่ๆให้กับ ห่าวอวิ๋น และ ซานซาน ได้ไม่แพ้ครั้งแรกแน่นอน

ห่าวอวิ๋น:(บน) ข้าวเหนียวกับทุเรียน คลุกเคล้าผสมกัน รสล้ำโฮกๆ!!!

(ล่าง) รสชาติอร่อยหรือไม่ ใครกินใครรู้… ปล.เดี๋ยวจะไปทำต่ออีกจาน!!!

ภาพจากไมโครบล็อคของห่าวอวิ๋น http://weibo.com/haoyunblog

 

เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府

* เชิญรับฟังเพลง:ฉันอยากไปเมืองไทย 我要去泰国 / อัลบั้ม: ห่าวอวิ๋นปักกิ่ง 郝云北京 / ศิลปิน: ห่าวอวิ๋น 郝云 http://www.kuwo.cn/yinyue/374874/

หมายเหตุ * เนื้อเพลงใช้คำว่า 妖魔 เป็นภาษาหนังสือสุภาพกว่าคำว่า 人妖 ที่เป็นภาษาพูด โดยหมายความถึงสาวประเภทสอง

* ชื่อ ห่าวอวิ๋น 郝云ออกเสียงคล้ายกับคำว่า ห่าวอวิ้น 好运ที่แปลว่า โชคดี ดังนั้นชื่ออัลบั้ม ห่าวอวิ๋นปักกิ่ง ที่ออกในปี 2008 นอกจากเป็นการประเดิมเปิดตัวผลงานอัลบั้มแรกในชีวิตด้วยชื่อเพื่อให้เป็นที่จดจำและแสดงถึงความผูกพันที่เขามีให้ต่อปักกิ่งแล้ว ยังมีนัยยะแฝงที่ว่า "โชคดีปักกิ่ง" อวยพรให้กับการที่ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมกีฬาโอลิมปิคในปีเดียวกันนั้นด้วย

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040