นายเฉิน จู๋ระบุว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีประชากรกว่า 1,000 ล้านคนที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขตามที่ต้องการ ประชาคมโลกมีภาระอันหนักหนาสาหัสและหนทางอีกยาวไกล เราควรปรับระบบการระดมทุนเพื่อสาธารณสุขและระบบประกันสังคมให้สมบูรณ์ขึ้น ทุกประเทศควรแสวงหาระบบที่สอดคล้องกับสภาพของประเทศตน
นอกจากนี้ นายเฉิน จู๋ยังเน้นย้ำว่า ควรพิจารณาถึงผลิตภัณฑ์ยาที่สามารถเข้าถึงและซื้อได้ เขาระบุว่า เนื่องจากการขาดแคลนผลิตภัณฑ์ยา วัคซีน หรือตัวยาทดลองที่ใช้ในการวินิจฉัยโรคอย่างมีประสิทธิภาพ หรือเทคโนโลยีอื่นๆ เกี่ยวกับสาธารณสุข กลุ่มผู้ยากไร้ในประเทศกำลังพัฒนากำลังประสบกับความทุกข์ยากและเสียชีวิต คณะผู้แทนจีนขอแสดงความยินดีต่อรายงานที่ทีมงานผู้เชี่ยวชาญยื่นสู่ที่ประชุมฯ สมัยนี้ และสนับสนบุนการสร้างกลไกลประสานงานในระดับโลกอีกขึ้น
ขณะกล่าวถึงเรื่องประชาคมโลกควรเพิ่มความร่วมมือและแบกรับหน้าที่ร่วมกันให้มากขึ้นนั้น รัฐมนตรีสาธารณสุขจีนระบุว่า การสร้างระบบรักษาพยาบาลถ้วนหน้า ประชาคมโลกจำเป็นต้องเพิ่มความสามัคคีและแบกรับหน้าที่ร่วมกันให้มากขึ้น ประเทศพัฒนาควรปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ เพิ่มความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาในการส่งเสริมระบบสาธารณสุขให้มากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาทั้งต้นเหตุและปลายเหตุ สำหรับเป้าหมายที่ว่า "ประเทศพัฒนาให้ความช่วยเหลือภาครัฐเพื่อการพัฒนาคิดเป็นร้อยละ 0.7 ของจีดีพี" นั้น ควรกำหนดสัดส่วนความช่วยเหลือเพื่อสาธารณสุขในเชิงปริมาณอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนประเทศกำลังพัฒนาควรเพิ่มความร่วมมือระหว่างใต้กับใต้ แบ่งปันประสบการณ์ และสนับสนุนซึ่งกันและกัน
ในช่วงท้าย นายเฉิน จู๋สรุปความพยายามและผลงานของจีนในการสร้างระบบรักษาพยาบาลถ้วนหน้าว่า รัฐบาลจีนเริ่มขยายการปฏิรูประบบการรักษาพยาบาลให้ลงลึกตั้งแต่ปี 2009 โดยยึดหลักการรักษาพยาบาลพื้นฐาน เสริมรากฐานให้มั่นคงและสร้างกลไล เพื่อให้ครอบคลุมถ้วนหน้า ขณะนี้ ระบบประกันสุขภาพขั้นพื้นฐานได้ครอบคลุม 1,295 ล้านคน คิดเป็นกว่าร้อยละ 95 ของประชากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ครอบคลุมพื้นที่ชนบท เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรจำนวน 832 ล้านคน ถือได้ว่า ระบบดังกล่าวเป็นระบบประกันสุขภาพที่ครอบคลุมประชากรมากที่สุดในโลก
(IN/LING)