จากนั้น นายหลิว ส้าวฉี และนายเติ้ง เสี่ยวผิงได้ไปพูดคุยกับสมาชิกคณะผู้แทนพรรคกรรมกรเอกภาพโปแลนด์ เพื่อไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างโปแลนด์และโซเวียต นายหลิว ส้าวฉี และนายเติ้ง เสี่ยวผิงแสดงท่าทีของรัฐบาลจีนอย่างชัดแจ้งวว่า จีนสนับสนุนโปแลนด์ คัดค้านโซเวียตเข้าแทรกแซงกิจการภายในของโปแลนด์ด้วยกำลังทหาร หลังรับทราบจุดยืนของพรรคคอมมิวนิวนิสต์จีน สมาชิกคณะผู้แทนโปแลนด์เล่าเรื่องเกี่ยวกับ โซเวียตรังแกโปแลนด์ให้ฟังด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง สมาชิกคณะผู้แทนโปแลนด์หลายคนกล่าวว่า โปแลนด์เคยเป็นอาณานิคมของโซเวียต ในสมัยนั้น โซเวียตยึดครองทรัพยากรของโปแลนด์ ขูดรีดแรงงานโปแลนด์ หลังสงครามโลกสิ้นสุดลง โซเวียตได้ค่าชดเชยสงครามจำนวนมากจากเยอรมนี แต่ก็ไม่ได้แบ่งให้โปแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่ได้แสดงบทบาทมากในการสู้รบกับทหารเยอรมันช่วงสงครามแม้แต่น้อย
นายหลิว ส้าวฉี และนายเติ้ง เสี่ยวผิง พยายามโน้มน้าวให้สหายโปแลนด์ถือสถานการณ์โดยรวมเป็นที่ตั้ง ปรับปรุงความสัมพันธ์ และกระชับความร่วมมือกับโซเวียต อีกทั้งย้ำว่า โปแลนด์ต้องใจกว้าง อย่าถือสิ่งที่โซเวียตเคยกระทำผิดกับโปแลนด์ ต้องถือความปรองดองเป็นสิ่งสำคัญ โปแลนด์เป็นประเทศใหญ่สุดในยุโรปตะวันออก ความสัมพันธ์ระหว่างโปแลนด์และโซเวียตจะดีหรือไม่นั้นจะส่งผลกระทบต่อค่ายประเทศสังคมนิยมอย่างมาก จีนจึงฝากความหวังไว้กับโปแลนด์ว่า โปแลนด์จะพยายามปรับความสัมพันธ์กับโซเวียตให้ดีขึ้น
สมาชิกคณะผู้แทนโปแลนด์ได้กล่าวขอบคุณจีนที่ให้การสนับสนุน และแสดงว่า ยินดีที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคโปแลนด์และพรรคโซเวียตให้ดีขึ้น
จากการไกล่เกลี่ยของจีน โปแลนด์และโซเวียตเห็นด้วยจะจัดการเจรจาโดยเร็ว เพื่อแก้ไขข้อขัดแย้ง นอกจากนี้ โซเวียตเห็นด้วยที่จะออกแถลงการณ์เกี่ยวกับหลักการแห่งการจัดการความสัมพันธ์กับประเทศสังคมนิยมอื่น
วันที่ 30 ตุลาคมปี 1956 โซเวียตออกแถลงการณ์ โดยยอมรับว่า เคยกระทำผิดในการจัดการความสัมพันธ์กับประเทศสังคมนิยมอื่น และยังระบุว่า จากนี้ไป จะยึดมั่นในหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายใน และมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันในการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างโซเวียตกับประเทศสังคมนิยมอื่นๆ หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้าจีนฉบับวันที่ 1 พฤศจิกายน 1956 ตีพิมพ์บทความชื่นชมแถลงการณ์ดังกล่าว
ขณะที่คณะผู้แทนจีนกำลังเจรจากับคณะผู้แทนโปแลนด์ และโซเวียตที่กรุงมอสโก หลายพื้นที่ในฮังการีเกิดเหตุการณ์ไม่สงบขึ้น
ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน เกิดเหตุนัดหยุดงาน การเดินขบวนแสดงพลัง และเหตุจลาจลที่กรุงบูดาเปสต์ และพื้นที่อื่นๆ ของฮังการี ทำให้สถานการณ์ภายในประเทศฮังการีนับวันตึงเครียดขึ้น
หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พรรคคอมมิวนิสต์ และรัฐบาลโซเวียตก็รีบตัดสินใจจะถอนทหารออกจากฮังการี ไม่สนับสนุนพรรคกรรมกร ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลฮังการีอีก
หลังคณะผู้แทนจีนทราบเรื่องนี้จากฝ่ายโซเวียต ก็รีบรายงานให้คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนทราบ วันที่ 30 ตุลาคม คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเรียกประชุมกรมการเมืองกลาง เพื่อพิจารณาสถานการณ์ในฮังการี ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้นายหลิว ส้าวฉี และนายเติ้งเสี่ยวผิงติดต่อกับแกนนำพรรค และรัฐบาลโซเวียตโดยแจ้งให้ทราบว่า จีนไม่เห็นด้วยกับโซเวียตที่จะรีบถอนทหารออกจากฮังการี และอยากเห็นทหารโซเวียตช่วยรัฐบาลฮังการีปราบปรามผู้ก่อเหตุจลาจลในฮังการีด้วย
บ่ายวันที่ 31 ตุลาคม นายหลิว ส้าวฉี และนายเติ้ง เสี่ยวผิง เข้าพบแกนนำพรรคโซเวียต โดยแจ้งจุดยืนในปัญหาฮังการีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้ทราบ แต่ฝ่ายโซเวียตยืนกรานจะถอนทหารออกจากฮังการีทันที โดยอ้างว่า สังคมนิยมในฮังการีล่มสลายแล้ว โซเวียตต้องถอนทหารทันที ไม่มีทางเลือกอื่น
สุดท้าย นายหลิว ส้าวฉี และนายเติ้ง เสี่ยวผิง กล่าวอย่างเอาจริงกับแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตว่า หากโซเวียตไม่ช่วยรัฐบาลฮังการีควบคุมสถานการณ์ ปล่อยให้สถานการณ์ความไม่สงบในฮังการีบานปลายอีก โซเวียตจะมีตราบาปในประวัติศาสตร์
วันที่ 1 พฤศจิกายน คณะผู้แทนจีนเดินทางกลับประเทศ นายนิกิตา ครุสชอฟ ส่งคณะผู้แทนจีนไปถึงสนามบิน ระหว่างทางจากที่พักไปยังสนามบิน นายนิกิตา ครุสชอฟ บอกนายหลิว ส้าวฉี และนายเติ้ง เสี่ยวผิงว่า หลังรับฟังความเห็นของพรรคคอมมิวนิสต์จีน แกนนำพรรคโซเวียตได้พิจารณาปัญหาฮังการีอีกครั้ง และเห็นว่าข้อเสนอของจีนมีเหตุผล จึงตกลงให้ทหารโซเวียตประจำในฮังการีต่อไป เพื่อช่วยประชาชนฮังการีปกป้องผลสำเร็จจากการพัฒนาประเทศสังคมนิยม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นายหลิว เส้วฉี และนายเติ้ง เสี่ยวผิงต่างรู้สึกดีใจ หลังเดินทางถึงสนามบิน นายหลิว เส้าฉี นายเติ้ง เสี่ยวผิง และสมาชิกคณะผู้แทนจีนอื่นๆ ได้กล่าวอำลาและโอบกอดแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตที่มาส่ง
จากการเยือนโซเวียตครั้งนี้ นายนิกิตา ครุสชอฟ รู้จักนายเติ้ง เสี่ยวผิงมากขึ้น เขาชื่นชมนายเติ้ง เสี่ยวผิงว่า เป็นคนเก่งมากๆ เขาเป็นคนตัวไม่สูง แต่มีสติปัญญาและความรู้สูงมาก