หนังสือ "บันทึกลีลาการทูตของเติ้งเสี่ยวผิง" เขียนโดยจอง เหวิน และ เหวินฟู นักวิจัยจากสำนักวิจัยหนังสือที่มีค่าทางประวัติศาสตร์และสำนักวิจัยประวัติศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน หน่วยงานในสังกัดคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน หนังสือเล่มนี้บันทึกผลงานด้านการทูต โดยเล่าถึงเหตุการณ์สำคัญๆ ทางการทูตที่เติ้งเสี่ยวผิงมีส่วนร่วม และการติดต่อไปมาหาสู่กันกับนักการเมืองที่มีชื่อเสียงทั่วโลกของเติ้งเสี่ยวผิง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์ทางด้านการทูต และการเป็นนักวางยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของเติ้งเสี่ยวผิง
ในรายการวันนี้ เราจะถ่ายทอดสาระจากหนังสือเล่มนี้ ตอนที่ 2 ที่มีชื่อว่า "ทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ย" ขอเชิญท่านติดตามรับฟัง
หลังการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศครั้งที่ 8 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน นายเติ้ง เสี่ยวผิงขยับตำแหน่งขึ้นเป็นกรรมการประจำกรมการเมืองกลาง และเลขาธิการพรรค เวลานั้น เหมา เจ๋อตง เป็นประธานคณะกรรมการกลาง ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในสมัยนั้น
ปี 1956 เป็นปีที่เกิดเหตุการณ์มากมายในประวัติขบวนการคอมมิวนิสต์ทั่วโลก ซึ่งล้วนมีต้นเหตุมาจากเรื่องที่นายนิกิตา ครุสชอฟลบล้างคุณงามความดีของนายสตาลิน ทำให้ประเทศสังคมนิยมต่างๆ ทั่วโลกเกิดความสับสนด้านแนวความคิด นำมาซึ่งการใช้ความรุนแรงหลายๆ เหตุการณ์ในประเทศสังคมนิยมในยุโรปตะวันออก เช่นการนัดหยุดงาน เดินขบวนแสดงพลัง และกระแสต่อต้านประเทศโซเวียต
วันที่ 28 มิถุนายนปี 1956 เกิดเหตุนัดหยุดงาน เดินขบวนแสดงพลัง และกระแสต่อต้านโซเวียตที่เมืองโปซนาน และพื้นที่อื่นๆ ของประเทศโปแลนด์ ทั้งนี้ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนตะลึง
ค่ำวันที่ 22 เดือนตุลาคม ประธานเหมา เจ๋อตง เชิญกรรมการประจำกรมการเมืองกลางมาประชุมที่ทำเนียบจงหนานไห่ เพื่อพิจารณาเรื่องที่จะรับมือกับสถานการณ์ในโปแลนด์อย่างไร รวมทั้งประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ในโปแลนด์ที่มีต่อประเทศสังคมนิยมอื่น ที่ประชุมมีมติว่า ต้องรักษาความสามัคคีของขบวนการคอมมิวนิสต์ทั่วโลก และมอบหมายให้นายหลิว เส้าฉี และนายเติ้ง เสี่ยวผิงนำคณะผู้แทนไปยังกรุงมอสโก เพื่อประสานจุดยืนกับโซเวียตเกี่ยวกับสถานการณ์ในโปแลนด์ รวมทั้งจะพูดคุยกับคณะผู้แทนโปแลนด์ เพื่อโน้มน้าวให้โซเวียตและโปแลนด์คลายความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดลง และปรับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ดีขึ้น
วันที่ 23 เดือนตุลาคม นายหลิว เส้าฉี นายเติ้ง เสี่ยวผิง และสมาชิกคณะผู้แทนอื่นๆ โดยสารเครื่องบินพิเศษของโซเวียตเดินทางไปยังกรุงมอสโก
หลังคณะผู้แทนจีนเดินทางถึงกรุงมอสโก นายนิกิตา ครุสชอฟเดินทางไปเยี่ยม และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนายหลิว เส้าฉี นายเติ้ง เสี่ยวผิง เกี่ยวกับปัญหาโปแลนด์
นายเติ้ง เสี่ยวผิงกล่าวกับ นายนิกิตา ครุสชอฟว่า ช่วงหลังของยุคสตาลิน โซเวียตมีความผิดจากลัทธิคลั่งชาติมหาประเทศ เช่น บังคับและกดดันพรรคคอมมิวนิสต์ประเทศอื่นต้องปฏิบัติตามแนวทางที่โซเวียตกำหนดไว้ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสังคมนิยมตกอยู่ในสภาวะผิดปกติ นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาโปแลนด์ นายเติ้ง เสี่ยวผิงกล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดการความสัมพันธ์ระหว่างพรรคกับพรรค ประเทศกับประเทศต้องเป็นไปตามหลักการแห่งเอกราช และความเสมอภาคเท่าเทียมกัน
ระหว่างการเจรจา นายหลิว เส้าฉี และนายเติ้ง เสี่ยวผิงวิพากษ์วิจารณ์โซเวียตเรื่องส่งทหารไปแทรกแซงกิจการภายในของโปแลนด์อย่างรุนแรง โดยกล่าวว่า การใช้กำลังทหารแทรกแซงกิจการภายในของโปแลนด์นั้นเป็นความผิดอย่างมาก และมีความเสี่ยงมากที่จะเกิดสงครามระหว่างโซเวียตกับโปแลนด์ นี่สะท้อนให้เห็นถึงลัทธิคลั่งชาติมหาประเทศของโซเวียตอย่างชัดเจน
ส่วนผู้แทนโซเวียตเถียงว่า ชาวโปแลนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวโปแลนด์เชื้อสายยิวล้วนเป็นชาตินิยม และต่อต้านโซเวียตรุนแรงมาก โซเวียตเคยให้ความช่วยเหลือแก่โปแลนด์อย่างมาก แต่ขณะนี้โปแลนด์ไม่คำนึงถึงสิ่งเหล่านี้
นายหลิว เส้วฉี และนายเติ้ง เสี่ยวผิง ตอบอย่างหนักแน่นว่า โซเวียตเป็นประเทศสังคมนิยมที่มีความเข้มแข็ง การช่วยเหลือประเทศสังคมนิยมอื่นจึงเป็นพันธกรณี ผู้นำโซเวียตต้องใจกว้าง ต้องปรับความสัมพันธ์กับโปแลนด์ให้ดีขึ้น ทางจีนจะพยายามไกล่เกลี่ย หวังว่า มิตรภาพระหว่างโซเวียตและโปแลนด์จะเป็นปกติโดยเร็ว
ต่อการนี้ ทางโซเวียตได้กล่าวขอบคุณจีน และอธิบายเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่โซเวียตส่งทหารเข้าไปในโปแลนด์ ก็เพื่อรักษาความปลอดภัยของเส้นทางคมนาคมสำหรับทหารโซเวียตที่ประจำในสาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมนี อีกทั้งประโยชน์และความปลอดภัยของประเทศสังคมนิยมอื่นในยุโรปด้วย อย่างไรก็ตาม โซเวียตเห็นด้วยกับข้อเสนอของจีน โดยจะแก้ข้อขัดแย้งกับโปแลนด์ด้วยการเจรจา และจะสั่งให้ทหารโซเวียตที่ประจำในโปแลนด์ถอนกลับฐานที่มั่นเดิม
จากนั้น นายหลิว ส้าวฉี และนายเติ้ง เสี่ยวผิงได้ไปพูดคุยกับสมาชิกคณะผู้แทนพรรคกรรมกรเอกภาพโปแลนด์ เพื่อไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างโปแลนด์และโซเวียต นายหลิว ส้าวฉี และนายเติ้ง เสี่ยวผิงแสดงท่าทีของรัฐบาลจีนอย่างชัดแจ้งวว่า จีนสนับสนุนโปแลนด์ คัดค้านโซเวียตเข้าแทรกแซงกิจการภายในของโปแลนด์ด้วยกำลังทหาร หลังรับทราบจุดยืนของพรรคคอมมิวนิวนิสต์จีน สมาชิกคณะผู้แทนโปแลนด์เล่าเรื่องเกี่ยวกับ โซเวียตรังแกโปแลนด์ให้ฟังด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง สมาชิกคณะผู้แทนโปแลนด์หลายคนกล่าวว่า โปแลนด์เคยเป็นอาณานิคมของโซเวียต ในสมัยนั้น โซเวียตยึดครองทรัพยากรของโปแลนด์ ขูดรีดแรงงานโปแลนด์ หลังสงครามโลกสิ้นสุดลง โซเวียตได้ค่าชดเชยสงครามจำนวนมากจากเยอรมนี แต่ก็ไม่ได้แบ่งให้โปแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศที่ได้แสดงบทบาทมากในการสู้รบกับทหารเยอรมันช่วงสงครามแม้แต่น้อย