ยังมีผู้เลี้ยงปูอีกคนหนึ่งบอกว่า เมื่อถึงช่วงขายปู เขาจะเหนื่อยมาก วันหนึ่งมีเวลานอนแค่ 3 – 4 ชั่วโมงเอง เพราะการจับปูต้องทำในตอนกลางคืน แล้วต้องชั่งน้ำหนัก มัดปู ใส่ลัง... กว่าจะนอนก็หลังตี 3 - 4 ไปแล้ว นอกจากความเหนื่อย ผู้เลี้ยงปูยังต้องป้องกันขโมยด้วย เนื่องจากปูขนหยางเฉิงหูขายได้ราคาแพงมาก จึงมักถูกขโมยตอนกลางคืน สมาคมผู้เลี้ยงปูของท้องถิ่นจึงจัดคนอยู่เวรกลางคืน เดินลาดตระเวนตามฟาร์มเลี้ยงปู เพื่อป้องกันขโมย
เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้เลี้ยงปู ก่อนถึงฤดูขายปู สมาคมผู้เลี้ยงปูจะกำหนดราคาปูที่มีน้ำหนัก 150- 200 กรัม โดยคิดรวมต้นทุนต่างๆ และค่าเหนื่อยด้วย เพื่อประกันให้ผู้เลี้ยงขายได้กำไร ราคาของปีที่แล้วครึ่งกิโล 160 หยวน ส่วนปีนี้เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้น จึงขึ้นราคาเป็น 180 หยวน เพราะฉะนั้น ราคาของปูขนหยางเฉิงหูแท้ ตัวหนึ่งน่าจะอยู่ที่ประมาณ 50 - 60 หยวน
แต่ราคาปูขนที่ขายตามท้องตลาดจะแพงกว่านี้มาก เช่น ปู 5 คู่ (ตัวผู้ตัวละ 250 กรัม ตัวเมียตัวละ 190 กรัม) บรรจุในกล่องสวยๆ ขายในราคา 1580 หยวน เฉลี่ยตัวละ 158 หยวน ปูขนจึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น"สินค้าแบรนด์เนมบนปลายลิ้น" ส่วนวิธีจำหน่ายปูมีตั้งแต่เปิดร้านขาย จนถึงขายออนไลน์ หากกินปูตามภัตตาคารหรูหรา ราคายิ่งแพงกว่านี้อีก
เช่นเดียวกับสินค้าแบรนด์เนมที่ถูกปลอมแปลงบ่อยๆ ปูขนหยางเฉิงหูก็ถูกปลอมแปลงจนผู้ซื้อแยกไม่ออก แรกๆ เพื่อป้องกันการปลอมแปลง ผู้ขายจะใส่"แหวน"ไว้ที่ขาปู ซึ่งเป็นป้ายพลาสติคที่พิมพ์รหัสและเบอร์โทรศัพท์ สามารถโทรเช็คว่าปูนี้เป็นยี่ห้อดังของแท้หรือเปล่า แต่"แหวน"นี้ใช้ได้ไม่นาน ก็มีแหวนหน้าตาเดียวกันและเครื่องหมายกันปลอมที่ลอกเลียนได้เหมือนกันหมดทุกอย่างจำหน่ายออนไลน์ วงละ 1-3 หยวน ซึ่งหมายความว่า หากคนขายปูอยากหลอกลวงลูกค้า เพียงซื้อแหวนแบบนี้ใส่กับขาปู ก็จะขายตามราคาปูขนของแท้ได้ทันที
ยิ่งกว่านั้นอีก คุณเคยได้ยินคำว่า"ปูอาบน้ำ"มั๊ยคะ ซึ่งคนภายในวงการเผยว่า ปูขนที่ขายในตลาดส่วนใหญ่เป็น"ปูอาบน้ำ" นั่นก็คือนำปูขนที่เลี้ยงในที่อื่นมาแช่ในทะเลสาบหยางเฉิงหูสักหลายวัน แล้วจับขึ้นมาขาย และมีคนเผยว่า ปูขนทุกๆ 1000 ตัว อาจมีเพียง 3 ตัวเท่านั้นที่เป็นปูขนที่เลี้ยงอยู่ในทะเลสาบหยางเฉิงหูจริงๆ
การที่ปูขนหยางเฉิงหูขึ้นชื่อมีสาเหตุหลายอย่าง เช่น พื้นที่เพาะเลี้ยงกว้างใหญ่ ใช้ปลา กุ้งและหอยซึ่งอุดมด้วยสารอาหารเลี้ยงปู และวิธีการเลี้ยงปูที่สืบทอดมายาวนานด้วย ปูจึงมีรสชาติอร่อย ส่วนปูขนกำมะลอนั้น รสชาติสู้ไม่ได้หรอก คนที่กินปูบ่อยๆ จะรู้ทันที แต่สำหรับคนที่ซื้อเพื่อชิมปีละครั้งเดียวนั้น คงแยกไม่ออก